พาณิชย์เผยส่งออกมิ.ย.ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ปัจจัยโควิดพ่นพิษไม่เลิก ขณะสหรัฐ-จีน โตสวนทางเหตุดีมานด์สินค้ากลุ่มอาหาร อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพพุ่ง ด้าน“จุรินทร์”ดึงเอกชนร่วมดันการค้าและส่งออก ขณะที่สอท.เผยส่งออกยานยนต์ มิ.ย.ติดลบ 48%
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การส่งออกมิ.ย.ปี2563 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยการส่งออกเม.ย.ที่ผ่านมา ติดลบ 15.43% พ.ค. ติดลบ 14.09% และมิ.ย.ยังติดลบค่อนข้างสูง ปัจจัยหลังมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัวเพราะการระบาดของโควิด -19 ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด ขณะที่มาตรการดูแลความปลอดภัยจากการล็อคดาวน์เมืองในหลายพื้นที่ยังมีอยู่แม้จะคลี่คลายบ้างแล้วแต่ยังเป็นอุปสรรคต่อการขนส่ง
อย่างไรก็ตาม พบว่าการส่งออกรายตลาดได้แก่สหรัฐและจีนมีอัตราส่งออกขยายตัว สำหรับการส่งออกตลาดจีน ปัจจัยความต้องการสินค้ากลุ่มอาหาร สินค้าเพื่อสุขภาพ และอิเล็กทรอนิกส์ มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นทำให้การส่งออกไปจีนในเดือนมิ.ย.ขยายตัว ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ที่ 9.06 % ส่วนเม.ย.ขยายตัว 16.17% และ มี.ค.ขยายตัว 2.46% ขณะที่ตลาดสหรัฐ พบว่า การส่งออกมิ.ย. มีอัตราขยายตัวเช่นกันจากอานิสงค์สินค้ากลุ่มสุขภาพ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอาหาร แม้ก่อนหน้านี้สหรัฐจะมีการส่งออกติดลบ ในเดือนพ.ค.ที่ 24.7% ในเดือนเม.ย. 15.7%ก็ตาม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงผลงานในรอบ 1 ปีของกระทรวงพาณิชย์ ว่า เรื่องของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการจัดตั้งกรอ.พาณิชย์เป็นครั้งแรก เพื่อผลักดันการส่งออกและการทำงานที่ใกล้ชิดมากขึ้นระหว่างภาครัฐและเอกชน การปรับเปลี่ยนบทบาททูตพาณิชย์เป็นเซลล์แมนประเทศ เพื่อให้รับมือผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวหลังเกิดวิกฤติโควิด-19 โดยทูตพาณิชย์แต่ละประเทศจะต้องมีการจัดทำแผนในเรื่องของการรับมือเพื่อที่จะรักษาระดับการค้าของประเทศไว้
ขณะที่พาณิชย์จังหวัดต้องทำหน้าที่เป็นเซลล์แมนระดับจังหวัด ทำหน้าที่ประสานเอกชน-เกษตรกร รองรับผลผลิตด้วยการเชื่อมโยงตลาดและแลกเปลี่ยนสินค้า และการขับเคลื่อนผลักดันการค้าชายแดนลดอุปสรรค อำนวยความสะดวกในการเปิดด่านเพื่อการค้า และตั้งเป้าว่าต้องลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(อาร์เซ็ป)ได้ภายในปีนี้
“ขอบคุณทูตพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศที่ให้ความร่วมมือในการทำงานตลอดระยะเวลา 1 ปีและจะต้องทำงานหนักต่อไปหลังจากนี้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์การค้าโลกที่ยังชะลอตัว”
นอกจากนี้ ได้นำทีมเอกชนขายสินค้าทั่วโลกทั้งในรูปแบบของการลงนาม MOU ในหลายประเทศเช่น จีน อินเดีย ตุรกี เยอรมันนี และสหรัฐอเมริกา เป็นต้นสามารถลงนาม MOU ขายสินค้าได้รวมกันทั้งสิ้นเป็นมูลค่า 94,822 ล้านบาท การจับคู่เจรจาธุรกิจประสบความสำเร็จทั้งสิ้น 231 คู่ในช่วงที่นำคณะเดินทางไปเจรจาการค้าในต่างประเทศ รวมทั้งในรูปแบบของการสร้างมูลค่าจัดงานแสดงสินค้า และคณะผู้แทนการค้าทั้งในและต่างประเทศซึ่งทำให้เราสามารถขายสินค้าได้รวมอีกก้อนหนึ่ง 54,192 ล้านบาทการผลักดันการค้าชายแดนด้วยการขจัดปัญหาอุปสรรคต่างๆ รวมทั้งการเร่งรัดดำเนินการเปิดด่านเพื่อเสริมสร้างมูลค่าการค้าชายแดนเพิ่มขึ้นซึ่งในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมาสามารถสร้างมูลค่าการค้าชายแดนได้เป็นเงินถึง 1.02 ล้านล้านบาท
ในเรื่องของการเปิดด่านนั้นสามารถผลักดันการเปิดด่านแม่สอด แห่งที่2 สำเร็จ นอกจากนั้นการค้าชายแดนผ่านด่านเจดีย์สามองค์ก็สามารถผลักดันให้ฝ่ายความมั่นคงอนุญาตให้ผู้ประกอบธุรกิจฝั่งไทยสามารถนำเงินผ่านแดนได้ถึงครั้งละ 2 ล้านบาท จากเดิม 500,000 บาท
ด้านบริเวณด่านไทยกัมพูชาได้เจรจากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของกัมพูชา จนประสบความสำเร็จ และจะมีการเปิดด่านหนองเอี่ยน-สตึงบท ที่จังหวัดสระแก้ว เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งด่านทันทีที่สถานการณ์โควิดคลี่คลาย
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า มิ.ย.2563รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่น ๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น40,844 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 48.08% เดือนม.ค.-มิ.ย. 2563 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น304,712 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 31.84%