'เพื่อไทย' หารือ ตั้ง คกก.สรรหาผู้สมัครฯ ชุดใหม่ ไร้สัญญาณปรับ กก.บห.

'เพื่อไทย' หารือ ตั้ง คกก.สรรหาผู้สมัครฯ ชุดใหม่ ไร้สัญญาณปรับ กก.บห.

ประชุมใหญ่ "พรรคเพื่อไทย" คาด ไร้สัญญาณปรับกรรมการบริหารพรรค เหตุชุดเดิมยังทำหน้าที่ได้ดี วาระสำคัญ คือ แต่งตั้ง คกก.สรรหาผู้สมัครฯ ชุดใหม่

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 63 รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคเพื่อไทยในวันนี้ จะมีการประชุม ส.ส.และสมาชิกพรรค โดยวาระที่ถูกจับตา ก็คือจะมีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ เดิมคณะกรรมการบริหารพรรค 29 คน ต่อมา นายปลอดประสพ สุรัสวดี ถูกคำพิพากษาของศาลจากคดีในอดีต ส่วน นายสามารถ แก้วมีชัย นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ได้ลาออกจากสมาชิกพรรค ทำให้ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคทั้ง 3 คน พ้นสภาพไปด้วย เหลือคณะกรรมการบริหารพรรค 26 คน ที่ผ่านมาแกนนำระดับสูงของพรรค ได้หารือเป็นการภายใน ต่างเห็นว่ากรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน ทำหน้าที่ได้ดี เวลานี้ ยังไม่ใช่เวลาที่จะปรับเปลี่ยน

ดังนั้นในการประชุมที่มีขึ้นในวันนี้ คาดว่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยน ตำแหน่งสำคัญๆ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ยังทำหน้าที่หัวหน้าพรรค น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เหมือนเดิม จึงทำให้วาระการประชุม มีเพียงการรายงานผลการปฏิบัติงานของพรรคในช่วงปีที่ผ่านมา การแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่ต้องมีตัวแทนจากกรรมการบริหารพรรค 7 คน ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด และหัวหน้าสาขาพรรค อย่างละ 4 คน แทนชุดเดิม ที่เป็นการแต่งตั้งจากส่วนกลาง ตามที่ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ให้การยกเว้นไว้ในการเลือกตั้งครั้งแรก



นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่า การปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรคและปรับทิศทางพรรคนั้น แกนนำพรรคมองว่า จะมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหญ่ ช่วงก่อนการเลือกตั้ง 6 เดือน เวลานั้นจะเป็นการปรับองค์กรครั้งใหม่ เพื่อเอาไว้ต่อสู้ทางการเมือง หนึ่งในยุทธศาสตร์ที่มีการหารือเบื้องต้นคือ ต้องทำให้การบริหารมีความคล่องตัว กรรมการบริหารพรรคไม่จำเป็นต้องมีมากถึง 29 คน แต่จะมีส่วนผสมของคนรุ่นใหม่กับผู้มีประสบการณ์ทำงานการเมืองเข้ามาอยู่ในโครงสร้างใหม่ นอกจากนี้ยังมีการเริ่มพูดไปถึง การหาหัวหน้าพรรคคนใหม่ รวมไปถึงแคนดิเดตนายกฯ ที่ยังมีความเห็นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งอยากให้คงเดิม นำคนมีประสบการณ์ทางการเมือง ที่อยู่กับพรรคและทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ชูเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กับอีกกลุ่ม อยากให้หาคนรุ่นใหม่ ที่ใกล้ชิดกับคนแดนไกล เข้ามาชูเป็นจุดขาย เหมือนสมัยที่เคยประสบความสำเร็จในการดัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในเวลาเพียง 49 วัน