Selective Buy

Selective Buy

ความกังวลการแพร่ระบาด Covid-19 ในไทยจะกลับมาระบาดรอบ 2

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index เพิ่มขึ้น 13 จุด (+0.99%) ปิดที่ 1,354 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.9 หมื่นล้านบาท ดัชนีปรับขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศตอบรับข่าวพัฒนาการทางบวกในการผลิตวัคซีนป้องกันไวรัส Covid-19 ล่าสุด Moderna บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐเปิดเผยว่า วัคซีน mRNA-1273 สามารถสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายของอาสาสมัครได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,310  ล้านบาท  แต่ Net TFEX SET50  +7,935  สัญญา  และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,400 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,345 - 1,365 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ sentiment เชิงบวกจากความคืบหน้าวัคซีน mRNA-1273 เพื่อรักษาไวรัส Covid-19 รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นเหนือ 41 US/Barrel หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 7.5 ล้านบาร์เรลและโอเปกพลัสมีมติผ่อนคลายข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน (จากปัจจุบันที่ปรับลด 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน) อย่างไรก็ตาม ความกังวลการแพร่ระบาด Covid-19 ในไทยจะกลับมาระบาดรอบ 2 รวมถึงยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ของสหรัฐยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่องล่าสุดเพิ่มขึ้นอีกราว 7 หมื่นรายจะเป็นแรงกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลง

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP, PTTGC, IRPC, SPRC, IVL) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้น
  • กลุ่มอาหาร (TU, CPF, GFPT, TFG, ASIAN) และ กลุ่มอิเล็ค (KCE, DELTA, HANA, SVI) ได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าลง
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น  (TOP, PTTGC, SPRC, SCC, BGRIM, CKP, CPF, TU, TASCO, STA, STGT, SPALI, PRM, PTL, AJ, STARK, CBG)
  • MINT, CENTEL, ERW ได้อานิสงส์มาตรการช่วยเหลือการท่องเที่ยวในประเทศ “เที่ยวปันสุข”

หุ้นแนะนำวันนี้

  • PTTGC (ปิด 47.50 ซื้อ/เป้า 50) ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว, คลาย lockdown ช่วยเพิ่มดีมานด์ทั้งฝั่งปิโตรฯและโรงกลั่น และยังได้เปรียบต้นทุนเพราะ PTTGC ใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบราคาจะปรับขึ้นช้ากว่าคู่แข่งที่ใช้นาฟทาซึ่งราคาจะปรับขึ้นตามราคาน้ำมันทันที
  • CPF (ปิด 34.5 ซื้อ/เป้า 36.25) ได้ Sentiment บวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่า ด้านผลประกอบการคาดมีกำไรปกติของ 2Q20 ที่ 5.6 พันล้านบาท (+38% yoy, -10% qoq) โดยมีปัจจัยหนุนจากราคาหมูในเวียดนามที่สูงขึ้น 110% yoy แต่ลดลง 2% qoq และไตรมาสนี้มี Stock gain (Biological gain) ใน 2Q20F จะอยู่ที่ราว 0.9 พันล้านบาท ช่วยหนุนกำไรสุทธิสู่ระดับ 6.6  พันล้านบาท (+58% yoy, +6% qoq)

บทวิเคราะห์วันนี้

BCPG (ปิด 15.5 ซื้อ/เป้า 19.8), DTAC (ปิด 38.75 ซื้อ/เป้า 64)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ดาวโจนส์บวก 228 จุด ความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัส Covid-19 ยังเป็นปัจจัยหนุนหลัก : ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ยังเดินหน้าบวกต่อโดยเมื่อคืนนี้เพิ่มขึ้นอีก 228 จุด (+0.85%) ปิดที่ระดับ 26,870 จุด มาจากหลายปัจจัยหนุนแต่หลักๆ ยังมาจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนซึ่ง Moderna บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจากสหรัฐเปิดเผยว่า วัคซีน mRNA-1273 สามารถสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายได้เป็นอย่างดี และบริษัทจะเดินหน้าทดลองวัคซีนในเฟส 4 ในปลายเดือนนี้  นอกจากนี้ยังมีผู้ผลิตวัคซีนที่เตรียมจะประกาศความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนเช่นกัน อาทิ แอสตราเซเนกา และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด คาดจะประกาศความคืบหน้าออกมาในวันนี้ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกอื่นๆ อีกหลายปัจจัย อาทิ รายงาน Beige Book ของเฟดระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น  และ โกลด์แมน แซคส์ รายงานงบ 2Q20 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดโดยเฉพาะร้านได้พุ่งใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
  • (+) น้ำมันดิบบวกต่อแม้ OPEC+ จะผ่อนคลายข้อตกลงลดกำลังการผลิต (ตลาดรับรู้ไปแล้ว) : กลุ่ม OPEC และชาติพันธมิตร (OPEC+) มีมติผ่อนคลายข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยเห็นชอบให้ปรับลดการผลิตเพียง 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่ปรับลด 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน เริ่มมีผล 1 ส.ค.ไปจนถึงสิ้นปี 2563 ซึ่งมติดังกล่าวจะทำให้ supply น้ำมันดิบของโลกเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เป็นลบกับตลาดน้ำมัน) อย่างไรก็ตามประเด็นนี้เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้อยู่แล้วจึงมีผลต่อการซื้อขายในตลาดน้ำมันเมื่อคืนไม่มาก ประกอบกับตลาดให้น้ำหนักจากข่าว EIA รายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐลดลง 7.5 ล้านบาร์เรลมากกว่าที่ Consensus คาดว่าจะลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล ช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ (+2.3%) ปิดที่ระดับ 41.2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • (+/-) ปัจจัยที่ต้องติดตาม เช้าวันนี้จีนประกาศ GDP คาดพลิกเป็นบวกช่วยหนุน Sentiment การลงทุน : โดยเช้าวันนี้ (9.00น.) จีนจะประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2/20  Bloomberg consensus คาด GDP จีนจะพลิกเป็นขยายตัว 2.4% เทียบกับหดตัว 6.8% ในไตรมาส 1/20 หลักๆมาจากการควบคลุมการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ได้อย่างรวดเร็วของรัฐบาลจีนและการทยอยผ่อนคลาย lockdown ส่งผลให้กิจกรรมเศรษฐกิจต่างๆ กลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของจีนที่เพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50 ได้อีกครั้งในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. ที่ผ่านมา เรามองว่าตัวเลข GDP จีนที่พลิกกลับมาเป็นบวกจะเพิ่มความหวังให้กับนักลงทุนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ผ่านพ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว ซึ่งจะเป็น Sentiment บวกสำคัญต่อการลงทุนของตลาดหุ้นทั่วโลกในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและปิโตรฯ จากความหวังว่าความต้องการพลังงานทั่วโลกจะกลับมาเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน