คาดการณ์ระยะข้างหน้า มีความเสี่ยงที่อาจเห็นดัชนีหุ้นไทย ดิ่งไปกรอบล่างที่ 1,280 จุดได้ หากมีปัจจัยลบเข้ามารุมกดดันเพิ่มเติม เช่น การกลับมาระบาดรอบสองของโควิด-19 ที่อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ซ้ำเติมเศรษฐกิจ และบั่นทอนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นลงไปอีก
มองไปข้างหน้า ปัจจัยฉุดดัชนีหุ้นไทยยังมีอีกมาก ทั้งจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ที่สูงขึ้นของธุรกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก ความเสี่ยงด้านการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะ การปรับคณะรัฐมนตรี และการจัดทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ที่มีผลต่อเซนติเมนท์ของนักลงทุนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากออกไม่ทันไตรมาส3 อาจส่งผลลบต่อภาพรวมเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าได้ เช่นเดียวกันการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐ ในปลายพ.ค. หากเกิดการเปลี่ยนขั้วการเมือง เสี่ยงดัชนีลดลง สะท้อนมาถึงตลาดหุ้นไทยได้
ดังนั้นจากความเสี่ยงเหล่านี้ ส่งผลให้ บล.ไทยพาณิชย์ ปรับเป้าดัชนี้หุ้นไทยปีนี้ มาอยู่ที่ 1,428 จุด จากประมาณการเดิมที่ 1,450 จุด ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการปรับกำไรบล.ปีนี้ลงด้วย จากผลกระทบโควิด-19 ที่คาดว่า จะลดลงเหลือ 62.57 บาทต่อหุ้น ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่อยู่ราว 86.19 บาทต่อหุ้น หรือติดลบราว 27% หากเทียบกับปีก่อน
สุกิจ ย้ำว่า เป้าดังกล่าวได้ปรับลดลงจาก ไตรมาส 2 ที่คาดว่า กำไรบจ.จะติดลบเพียง 22% หรือกำไรบจ.จะอยู่ที่ 68 บาทต่อหุ้น ส่วนปีหน้า ประเมินว่า กำไรของบจ.จะค่อยๆกลับมาฟื้นตัวได้ แต่คงยังไม่กลับไปเหมือนก่อนโควิด-19 โดยปีหน้ากำไรจะพลิกกลับมาบวกได้ 28% หรือราว 79.96 บาทต่อหุ้น
“เราคาดว่า กำไรบจ. จะชะลอลงในปีนี้ แปลว่าจะเห็นกำไรกลับไปเติบโตแบบอดีตๆ สูงๆ คงยาก เพราะบริษัทใหญ่ๆฐานกว้างขึ้น การเติบโตก็ช้าลง และยังไม่เห็นว่าธุรกิจไหนโตแรง ดังนั้นไม่มีปัจจัยผลักดันการเติบโตของตลาดให้บวกถึง 20-30% เหมือนเมื่อก่อน ดังนั้น P/E คงไปที่ 17-18 เท่าคงยาก หรือ P/BV จะไปเท่ากับ 2 เท่าของยาก และหากดู Valuation หุ้นไทยก็พบว่าแพง หากเทียบกับภูมิภาค โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนที่ต่ำกว่าเรา ดังนั้นเหล่านี้จะเป็นจุดเปราะบาง ที่ทำให้หุ้นไทยขึ้นได้ยาก ส่วนภาพรวมช่วงที่เหลือของตลาดหุ้นไทยปีนี้คาดว่า ไซด์เวย์ ดัชนีฯมีโอกาสหลุด 1,300 จุด แต่หากมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่ม ก็มีโอกาสที่เราทบทวนดัชนีลงใหม่อีก จากเดิมที่ให้ไว้ 1,428 จุด”