"อนุทิน"ย้ำพ.ร.ก.ฉุกเฉินจำเป็น เปิดผับบาร์ต้องNew Normal

"อนุทิน"ย้ำพ.ร.ก.ฉุกเฉินจำเป็น เปิดผับบาร์ต้องNew Normal

“อนุทิน”เผยผู้ป่วยโควิด-19ในไทย ไม่มีอาการรุนแรงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ สั่งคุมเข้มรับผ่อนคลายเฟส 5 ห่วงผับบาร์ซ้ำรอยระบาด กำชับเปิดแบบชิลๆก่อนอย่าเพิ่งโครามคราม ลั่นพ.ร.ก.ฉุกเฉินยังจำเป็น คำนึงถึงความปลอดภัยประชาชน-ปลอดเชื้อประเทศ

        เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และอธิบดีกรมต่างๆ ได้ประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไปยังผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข สาธารณสุขนิเทศ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผอ.รพ.ทั่วประเทศ เพื่อมอบนโยบายเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อควบคุม ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รับการผ่อนปรนเฟส 5

        นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีผู้ป่วยรายใดในประเทศไทย มีอาการรุนแรงถึงขั้นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งการที่นายกรัฐมนตรีและศูนย์บริการสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) อนุมัติสามารถเปิดกิจการ/กิจกรรมในเฟส 5ได้ เพราะมั่นใจในมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ที่มีประสิทธิภาพ แต่ด้านสาธารณสุขต้องทำงานหนักขึ้น ต้องขันน็อตกันอีกครั้ง เท่าที่ฟังโดยรวมทุกจังหวัดมีความพร้อมในการรับมือ หากมีคนติดเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาตั้งแต่การค้นหาให้เจอ ดักให้ได้ และรักษาให้หาย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นห่วงคือสถานที่เสี่ยง เช่น ผับ บาร์ โรงเรียน โดยในส่วนของโรงเรียนต้องร่วมกันคัดกรองเด็ก หากมีไข้ขอให้หยุดเรียน แต่ต้องคิดเผื่อกรณีผู้ปกครองต้องทำงานอาจจะต้องเปิดให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)เป็นสถานที่ดูแลเด็กกรณีป่วยและต้องหยุดเรียน

          สำหรับผับ บาร์ ยิ่งน่าเป็นห่วง หากมีการสอบสวนโรคแล้วพบว่าต้นตอเกิดจากที่ไหนและมีการประมาทเลินเล่อ ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบจะมีการสั่งปิดทันที ผู้ประกอบการจึงต้องกำกับติดการเปิดให้บริการเป็นไปตามมาตรการควบคุมโรค จำกัดจำนวนคนเข้าตามที่กำหนด ส่วนคนที่ไปเที่ยวก็ต้องระวังตัวเอง ต้องมั่นใจในการที่จะใช้แก้วตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อกึ่มๆดื่มไปแล้ว 2-3 แก้วอย่าไปดื่มเครื่องดื่มแก้วเดียวกับคนอื่น ซึ่งการระบาดที่ผับย่านทองหล่อก่อนหน้านี้ ก็เกิดการติดเชื้อจากการที่ดื่มเหล้าแก้วเดียวกัน ถังน้ำแข็งก็ต้องมีที่คีบอย่าล้วงไปมือน้ำแข็งเติมใส่แก้ว เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าก่อนที่จะเอามือมาจับน้ำแข็ง พลั้งเผลอแคะขี้มูก ขี้ตา แคะขี้ฟันมาก่อนหรือไม่ ขอเตือนให้ระมัดระวังและให้เปิดแบบชิลๆก่อนอย่าเพิ่งโครามคราม โดยจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขลงพื้นที่ร่วมกับฝ่ายความมั่นคงในการตรวจ

         ผู้สื่อข่าวถามถึง มีการเคลื่อนไหวของหลายกลุ่มเรียกร้องให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วใช้กฎหมายทั่วไปในการควบคุมโรคโควิด-19 ในไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าคำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน คำนึงถึงการปลอดเชื้อของประเทศไทย ในส่วนของสธ.ก็ยังมองเห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นที่ดีอยู่ แต่พยายามที่จะไม่ให้ไปรบกวนวิถีชีวิตที่เป็นปกติสุขของประชาชน แต่การมีพ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ใช้ในกรณีมีเหตุการณ์ที่จำเป็นจริงๆ ต้องใช้เพื่อความปลอดภัย ขอยืนยันว่า ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อปราบโควิด-19 ไม่ได้เอาไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่นๆ

    ด้านนพ.สุขุม กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีการควบคุมสถานการณ์ได้ดี แต่ถ้าเกิดมีผู้ป่วยแค่ 1 ราย 5 ราย อาจจะทำให้เกิดการกระจายเป็นพัน เป็นหมื่นรายได้ ดังนั้นต้องมีการเตรียมความพร้อม ตอนนี้มีสำรองหน้ากากอนามัยประมาณ 40 ล้านชิ้น ชุด PPE ประมาณ 5 แสนชิ้น ยารักษาโรคจำนวนหนึ่ง หน้ากาก N95 ประมาณ 1.9 ล้านชิ้น แต่ขอให้รพ.แต่ละแห่งตรวจเช็คสต็อกอีกครั้ง และเตรียมความพร้อมอุปกรณ์การแพทย์ ให้พร้อมใช้งานเพื่อสร้างความมั่นใจให้บุคลากรการแพทย์ต่อไป

       “ขอให้ สสจ. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ออกตรวจสถานที่เสี่ยงต่างๆ ให้ปฏิบัติตามมาตรการ 5 ข้อออย่างเคร่งครัด คือ 1.ตรวจวัดอุณหภูมิ 2. ใส่หน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า ทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ 3. การเว้นระยะห่าง และการจำกัดจำนวนคน 4.จัดจุดล้างมือ และเจลแอลกอฮอล์ และ 5. หมั่นทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสบ่อยๆ รวมทั้งคอยกระตุ้นเรื่องการเช็คอิน เช็คเอาท์แอพพลิเคชั่นไทยชนะ พร้อมทั้งจะมีแอพพลิเคชั่น “ผู้พิทักษ์ไทยชนะ” สำหรับผู้ปฏิบัติหน้าที่ตรวจประเมินต่อไป ฝากทุกฝ่ายให้ช่วยกันเพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องล็อคดาวน์กันอีก”นพ.สุขุมกล่าว