หุ้นไทยส่อ‘ปรับฐาน’ ปัจจัยลบรุมกระหน่ำ

หุ้นไทยส่อ‘ปรับฐาน’  ปัจจัยลบรุมกระหน่ำ

สัปดาห์นี้ ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 30.80-31.03 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สอดคล้องกับค่าเงินเอเชียส่วนใหญ่ จากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ทั้งIMF ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า พร้อมกับเตือนว่าสถานะทางการคลังของรัฐบาลประเทศต่างๆ จะทรุดตัวลงอย่างหนัก จากการทุ่มงบประมาณเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19  ความขัดแย้งการค้าสหรัฐกับยุโรปก็มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ความเสี่ยงการแพร่ระบาดไวรัสเพิ่มขึ้นในสหรัฐซึ่งเป็นปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนเช่นกัน

สำหรับในช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้า ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.70-31.20 บาทต่อดอลลาร์  ซึ่งยังต้องจับตาสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะในสหรัฐที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันประเด็นความขัดแย้งสหรัฐกับจีน และหลายๆ ประเทศก็เป็นปัจจัยที่ต้องจับตามากขึ้น

ดัชนีตลาดหุ้นไทย วานนี้ (26 มิ.ย.2563) ปิดที่ 1,330.34 จุด เพิ่มขึ้น 4.46 จุด หรือ 0.34% มูลค่าการซื้อขาย 47,193.61  หมื่นล้านบาท ซึ่งตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีลดลงไปต่ำสุดที่ 1,306.67 จุด ก่อนฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ รวมแล้วติดลบไป 40 จุด บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)คาดสัปดาห์หุ้นไทยพักฐานต่อ จากหลายปัจจัยลบกดดันมากขึ้นทั้งงบไตรมาส 2 ปี 2563 ของบจ.ที่ประกาศออกมาไม่ดี จีดีพีของไทย สหรัฐไตรมาส 2 ปีนี้ที่ติดลบมากขึ้น ฯลฯ โดยมองแนวรับที่ 1,280-1,300 จุด แนวต้านที่ 1,345-1,360 จุด  พร้อมแนะขายทำกำไร

ส่วนความเคลื่อนไหวของราคาทองคำอยู่ที่ 1,764.93 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ 25,800 บาทต่อบาททองคำ โดย บล.วายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า ระยะสั้นหากราคาทองคำปรับตัวขึ้นในระดับจำกัดยังคงต้องระวังแรงขาย ซึ่งนักลงทุนอาจแบ่งทองคำออกขายบางส่วนบริเวณแนวต้าน 1,769-1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาไม่สามารถยืนได้อย่างแข็งแกร่งมีโอกาสที่ราคาทองคำจะอ่อนตัวลงเพื่อสร้างฐาน ซึ่งนักลงทุนสามารถรอซื้อคืนเมื่อราคาย่อตัว โดยประเมินแนวรับที่ 1,753 ดอลลาร์ต่อออนซ์