ขสมก. ปรับมาตรการ หลังคลายล็อกเฟส 5 รับเปิดเทอม 

ขสมก. ปรับมาตรการ หลังคลายล็อกเฟส 5 รับเปิดเทอม 

ขสมก.ปรับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมบนรถโดยสารประจำทาง หวังรองรับผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 70 % หลังรัฐคลายมาตรการสกัดโควิด-19 เฟส 5 เตรียมต้อนรับเปิดเทอม เริ่ม 1 ก.ค.นี้ พร้อมอนุญาตให้ผู้ใช้บริการที่เดินทางมาด้วยกันนั่งติดกันได้

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 63 นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้เตรียมผ่อนคลาย มาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระยะที่ 5 โดยอนุญาตให้กิจการผับ บาร์ คาราโอเกะ และสถานบันเทิงต่าง ๆ สามารถเปิดให้บริการได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 63 ซึ่งตรงกับวันเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 โดยจะมีนักเรียน นิสิต นักศึกษา ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้น ประกอบกับกระทรวงคมนาคม มีนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดเตรียมผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ในระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อให้สามารถ รองรับผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 70% โดยอนุญาตให้ผู้ใช้บริการที่เดินทางมาด้วยกัน หรือเดินทางมาเป็นครอบครัวสามารถนั่งติดกันได้ บนเบาะที่นั่งที่กำหนด ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 63 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการรถโดยสารของ ขสมก. เพิ่มขึ้นเป็นวันละประมาณ 900,000 คน ขสมก. จึงจัดแผนการเดินรถโดยสารในช่วงมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 5 และช่วงเปิดภาคเรียน ดังนี้

ด้านรถโดยสาร

  1. จัดรถออกวิ่ง 100 % (3,000 คัน/วัน) หรือจัดรถออกวิ่งให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา  โดยมีเที่ยววิ่งเฉลี่ย วันละประมาณ 25,000 เที่ยว ซึ่งก่อนนำรถออกวิ่ง จะใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% ฉีดพ่นและเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้บริการต้องสัมผัส เช่น เบาะที่นั่ง ราวจับ กริ่งสัญญาณ เป็นต้น  พร้อมทั้งติดตั้ง ขวดเจลแอลกอฮอล์  สำหรับให้ผู้ใช้บริการล้างมือ บริเวณประตูทางขึ้น
  2. กำหนดจุดนั่ง (เบาะที่ไม่มีเครื่องหมายกากบาท) และจุดยืนให้มีระยะห่างกัน 1 เมตร ซึ่งรถโดยสาร 1 คัน อนุญาตให้ ผู้ใช้บริการ ยืนได้ไม่เกิน 10 คน กรณีผู้ใช้บริการเต็ม พนักงานเก็บค่าโดยสารจะติดป้ายข้อความ “ ผู้ใช้บริการเต็ม โปรดใช้บริการ รถคันถัดไป” บริเวณกระจกหน้ารถโดยสาร พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการรับทราบ เพื่อรอใช้บริการรถโดยสารคันถัดไป
  3. กำหนดจุดนั่งเบาะคู่ (เบาะคู่ที่ไม่มีเครื่องหมายกากบาททั้ง 2 เบาะ) เพิ่มเติม สำหรับให้ผู้ใช้บริการที่เดินทางมาด้วยกัน หรือ ผู้ใช้บริการที่เป็นครอบครัวเดียวกัน สามารถนั่งติดกันได้
  4. ตรวจเช็คสภาพ และตรวจสอบการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ส่วนควบต่าง  ๆของรถโดยสาร ให้มีความมั่นคงแข็งแรง  พร้อมทั้งตรวจเช็คประตูเปิด-ปิดอัตโนมัติ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
  5. ติดตั้ง QR Code แอปพลิเคชันไทยชนะ บริเวณหลังเบาะที่นั่ง และบริเวณผนังด้านข้างภายในรถโดยสาร สำหรับให้ผู้ใช้บริการสแกนผ่านโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน เพื่อเก็บข้อมูลการเดินทาง กรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อใช้บริการรถโดยสารคันเดียว และเวลาเดียวกันกับผู้ใช้บริการ จะมีการแจ้งเตือนผ่านระบบ SMS ว่าผู้ใช้บริการมีความเสี่ยงให้รีบไปพบแพทย์

 

ด้านบุคลากร

  1. กำกับดูแลพนักงานขับรถโดยสารให้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้พนักงานเก็บค่าโดยสาร คอยดูแลการขึ้น-ลงของผู้ใช้บริการอย่างใกล้ชิด ให้บริการด้วยความสุภาพเรียบร้อย
  2. ตรวจวัดแอลกอฮอล์  ความดันโลหิต และอุณหภูมิร่างกายของพนักงานขับรถ และพนักงานเก็บค่าโดยสารทุกครั้ง ก่อนขึ้นปฏิบัติ หน้าที่บนรถโดยสาร  พร้อมทั้งกำชับพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสาร สวมหน้ากากอนามัย และถุงมือทุกครั้ง ขณะปฏิบัติ หน้าที่บนรถโดยสาร
  3. จัดพนักงานนายตรวจ และเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษประจำจุด ณ บริเวณหน้าโรงเรียน และป้ายหยุด รถโดยสาร ที่มีผู้ใช้บริการ หนาแน่น เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจร และดูแลการขึ้น-ลงรถของผู้ใช้บริการ

ด้านผู้ใช้บริการ 

  1. ผู้ใช้บริการจะต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง ขณะใช้บริการรถโดยสา
  2. ผู้ใช้บริการจะต้องนั่ง และยืนตามจุดที่กำหนด  กรณีผู้ใช้บริการเต็มจะต้องรอใช้บริการรถโดยสารคันถัดไป
  3. กรณีผู้ใช้บริการที่เดินทางมาด้วยกัน หรือ เดินทางมาเป็นครอบครัว สามารถนั่งบนเบาะที่นั่งคู่ที่กำหนดไว้ (เบาะคู่ ที่ไม่มี เครื่องหมายกากบาททั้ง 2 เบาะ) ส่วนผู้ใช้บริการที่เดินทางมาคนเดียว ขอความกรุณานั่งบนเบาะที่นั่งอื่น ๆที่ไม่มีเครื่องหมายกากบาท
  4. เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการ ควรสแกน QR Code แอปพลิเคชันไทยชนะ บนรถโดยสาร เพื่อเช็คอินเมื่อขึ้นรถ และเช็คเอาท์ ก่อนลงจากรถ
  5. ผู้ใช้บริการจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของพนักงานเก็บค่าโดยสาร นายตรวจ และเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษอย่างเคร่งครัด