จับตา '3 พยาน' คดีแหกคุก จ่อเพิ่มข้อหา 'บรรยิน' จ้างวาน

จับตา '3 พยาน' คดีแหกคุก จ่อเพิ่มข้อหา 'บรรยิน' จ้างวาน

ผบ.ตร.เชื่อแผนแหกคุก "บรรยิน" มีความพยายาม 100% มั่นใจหลักฐานเอาผิดได้ ขณะที่กองปราบจ่อออกหมายเรียก 3 พยานบุคคลสอบ ยันเส้นทางการเงินมัด เตรียมแจ้งข้อหาจ้างวาน ด้านนายกฯ กำชับราชทัณฑ์สอดส่องพฤติกรรมผู้ต้องขังเข้ม เหน็บ “บรรยิน” ดูหนังมากไปหรือไม่

ความคืบหน้าการวางแผนชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ล่าสุด พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม(รอง ผบก.ป.) เปิดว่า วันนี้(23มิ.ย.)ได้เรียกประชุมคณะทำงานเพื่อติดตามผลการทำงาน หลังได้แบ่งหน้าที่ไปแล้ววานนี้ เบื้องต้นได้ออกหมายเรียกพยานบุคคลสำคัญทางคดีมาสอบปากคำทั้งหมด 3 ราย ให้เข้าพบพนักงานสอบสวนภายในสัปดาห์นี้ แต่ยังไม่แจ้งกลับมาว่าจะเข้ามาเมื่อไหร่

ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหาการวางแผนแหกคุกต่อ พ.ต.ท.บรรยิน อยู่ในขั้นตอนสุดท้าย หลังจากรวบรวมพยานหลักฐาน มีความชัดเจน 90% ขึ้นไป โดยจะไม่รีบแจ้งข้อกล่าวหา เพราะหากรีบแจ้ง จะบีบเวลาจำกัดในการทำงานมากเกินไป การทำงานของกองปราบปรามยึดพยานหลักฐานเป็นหลัก โดยจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมชัดเจนที่สุด เพื่อให้คดีมีความรอบคอบ ครบถ้วน

เผยเส้นทางการเงินชี้ชัด

ส่วนกรณีการแถลงต่อศาลของ พ.ต.ท.บรรยิน ที่ระบุว่า ถูกขังอยู่ไม่มีทางจะหลบหนีจากคุกได้นั้น กองปราบมีพยานหลักฐานเส้นทางการเงิน กับการติดต่อสื่อสารถึงแผนการดังกล่าวชัดเจน แต่ยังไม่สามารถระบุรายละเอียดได้ ยืนยันว่าไม่มีความกังวลใจ เพราะเจ้าตัวจะอ้างอย่างไรก็ได้ ลำพังการให้การของบุคคลเพียงคนเดียวไม่สามารถนำไปกล่าวหาใครได้ คำให้การของคนๆ เดียวไม่สามารถเชื่อถือได้ต้องมีอะไรที่มากกว่านั้น เบื้องต้นตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า จะมีแผนการแหกคุกอีกหรือไม่ ทั้งนี้มีความมั่นใจว่า พยานหลักฐานที่บ่งชี้สามารถเอาผิดกับ พ.ต.ท.บรรยินได้

ออกหมายเรียก 3 พยาน

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้ออกหมายเรียกสอบปากคำพยานบุคคลใกล้ชิดในคดีรวม 3 ราย ได้แก่ ทนายความที่ช่วยประกันตัวนายโจ ลูกน้องพ.ต.ท.บรรยิน และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ ที่นายโจติดต่อไปขอความช่วยเหลือแต่ได้รับการปฏิเสธ รวมถึงนายวรภัทร ตั้งภากรณ์ หรือบอส บุตรชาย พ.ต.ท.บรรยิน หลังจากนายท็อปให้การด้วยว่า ตัวเองเป็นเพื่อนกับนายบอส จึงได้ติดต่อไปหาเมื่อออกจากเรือนจำ

เล็งแจ้งข้อหา“บรรยิน”เพิ่ม

สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหาในคดีแหกคุกเพิ่มเติมต่อ พ.ต.ท.บรรยิน เบื้องต้นพนักงานสอบสวนเตรียมแจ้งข้อหาในความผิดฐาน “เป็นผู้ใช้ จ้างวาน สนับสนุนผู้อื่นให้กระทำผิด กระทำให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาล หลุดพ้นจากการคุมขัง” และ “ข่มขืนใจเจ้าพนักงาน และหน่วงเหนี่ยวกักขัง” กรณีวางแผนลักพาตัวภรรยา ผบ.เรือนจำ มาใช้ต่อรองการออกจากคุก

คุมเข้มขึ้นศาลคดีฆ่าเสี่ยชูวงษ์

วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้เบิกตัว พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยในคดีฆาตกรรมนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครมายังศาลอาญาพระโขนง ถนนสรรพาวุธ แขวงและเขตบางนา กรุงเทพฯ หลังศาลนัดสืบพยานในคดีนี้

โดยระหว่างการคุมตัวมานั้น มีตำรวจหน่วยหนุมาน บก.ป. และตำรวจหน่วยอรินทราช26 บช.น.ร่วมทำการคุมตัวมาด้วย ขณะที่บริเวณศาลอาญาพระโขนงมีหน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด (อีโอดี) เข้าตรวจพื้นที่บริเวณโดยรอบของศาล ก่อนมีการสืบพยานในเวลา 09.00 น. ของวันนี้ ตลอดจนมีการวางกำลังตำรวจมาดูแลมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งทาง บช.น.จัดกำลังตำรวจ บก.สปพ. และ สน.บางนา ทำงานร่วมกับตำรวจศาล และกรมราชทัณฑ์ ซึ่งบรรยากาศโดยรอบเป็นไปตามปกติ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง

ผบ.ตร.มั่นใจป.หลักฐานแน่น

ขณะที่ท่าที พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. หลังเจ้าหน้าที่เตรียมแจ้งข้อกล่าวหากับ พ.ต.ท.บรรยิน ในคดีวางแผนแหกคุก ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า โดยพฤติกรรมก็มีเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้ อะไรที่มีพยานหลักฐานก็ตรวจสอบหมดแล้ว ทางกองปราบปรามก็รายงานให้ตนทราบมาโดยตลอด

แต่ส่วนตัวเชื่อว่ามีความพยายามที่จะทำแบบนั้นจริง 100 เปอร์เซ็นต์ หากมีโอกาสก็ทำแน่ ครั้งที่แล้วอุ้มพี่ชายผู้พิพากษาก็ทำจริง ตัวเขาก็มาที่เกิดเหตุ มันเป็นหนทางสุดท้ายของเขาแล้วที่ต้องทำแบบนี้

“กองปราบปรามเขาไม่ทำคดีซี้ซั้ว ไม่มีเหตุผลที่จะไปสร้างพยานหลักฐานขึ้นมา ส่วนเรื่องอื่นๆ หากราชทัณฑ์ร้องขอมาก็พร้อมดำเนินการให้ทุกเรื่อง ส่วนผู้ร่วมขบวนการก็ต้องเอามาสอบสวนทั้งหมด” พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว

นายกฯกำชับสอดส่องพฤติกรรม

ทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ตอบข้อถามผู้สื่อข่าวถึงคดีนี้ว่า เห็นเป็นข่าวหลายวันแล้ว “ผมนึกว่าเป็นหนัง ดูหนังมากไปหรือเปล่า มันคงทำไม่ได้หรอกมั๊ง แผนแหกคุก มีแต่ใน Netflix ที่มีหลายเรื่อง ถ้าทำได้ก็แสดงว่าบกพร่องแล้ว ผมคิดว่าไม่น่าทำได้อยู่แล้ว แต่ถ้ามีวางแผนแหกคุกจริง ก็ว่ากันไป ต้องสอบสวนติดตาม และได้ย้ำกับกรมราชทัณฑ์ให้ดูแลสอดส่องพฤติกรรมผู้ต้องขังให้ดีที่สุด ต่างคนต่างร้องกันไปมานั้นคือปัญหา แต่หากยุติได้ตั้งแต่ขั้นต้น โดยให้เป็นไปตามกระบวนการสอบสวนแล้วจบ แต่อันนี้วิจารณ์ทุกวัน ทำกันไม่ทันหรอก” นายกฯ กล่าว