ฟื้นตัวตามรอบบ้าน

ฟื้นตัวตามรอบบ้าน

คาด SET รีบาวด์ขึ้นทดสอบ 1,360 – 1,365 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว ตามทิศทางตลาดหุ้นรอบบ้านที่ดีดตัวขึ้น

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ร่วง 19 จุด (-1.36%) ปิดที่ 1,352 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6.57 หมื่นล้านบาท หลักๆมาจากแรงเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารและไฟแนนซ์หลังแบงก์ชาติสั่งเพิ่มเติมให้สถาบันการเงินจัดทำแผนบริหารกองทุนและทดสอบความเสี่ยง (Stress test) ใหม่ภายในเดือน ก.ค. หากต่ำเกณฑ์ สถาบันการเงินจะต้อง ออกหุ้นกู้, งดจ่ายปันผล หรือ เพิ่มทุน  เพื่อให้ฐานะกองทุนกลับสู่ระดับปกติ ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,106 ล้านบาท  และ Net Short TFEX SET50  1,361 สัญญา  แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,692 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลาง-บวก คาด SET รีบาวด์ขึ้นทดสอบ 1,360 – 1,365 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว ตามทิศทางตลาดหุ้นรอบบ้านที่ดีดตัวขึ้นตอบรับความคาดหวังสภาคองเกรสสหรัฐจะอนุมัติแผนการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงินเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะหนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นยืนเหนือ 40 US/Barrel ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานและภาวะตลาด อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีจะสลับอ่อนตัวลงจากแรงกดดันกลุ่มธนาคารหลังธปท.สั่งเพิ่มเติมให้สถาบันการเงินทำแผนบริหารกองทุนและทดสอบความเสี่ยง (Stress test) ใหม่ภายในเดือน ก.ค. รวมถึงความกังวลการระบาดรอบสองของไวรัส Covid-19 หลังยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นมากโดยเฉพาะในบราซิล สหรัฐและอินเดีย

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP, PTTGC, IRPC, SPRC, IVL) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบทรงตัวระดับสูง
  • กลุ่มอาหาร ( CPF GFPT TFG ) ได้อานิสงส์ราคาหมูและไก่ในประเทศปรับตัวขึ้น
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น  (CKP, TASCO, STA, RS)

หุ้นแนะนำวันนี้

  • PTTGC (ปิด 47.25 ซื้อ/เป้า 50) ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว , คลาย lockdown ช่วยเพิ่มดีมานด์ทั้งฝั่งปิโตรฯและโรงกลั่น และยังได้เปรียบต้นทุนเพราะ PTTGC ใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบราคาจะปรับขึ้นช้ากว่าคู่แข่งที่ใช้นาฟทาซึ่งราคาจะปรับขึ้นตามราคาน้ำมันทันที
  • INTUCH (56.5 ซื้อ/เป้า 74.0) ผลประกอบการได้รับผลกระทบจาก Trade war และ Covid-19 จำกัด ทำให้ INTUCH ยังสามารถจ่ายปันผลได้เต็มที่ โดยปีนี้คาด INTUCH จะจ่ายปันผลประมาณ 2.48 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield ประมาณ 4.4% ขณะที่วันนี้คาดว่าจะเห็นการ Rotation เงินลงทุนจากกลุ่มธนาคารซึ่งถูกห้ามจ่ายปันผลระหว่างกาลมายังหุ้น INTUCH หรือ ADVANC ที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอและมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลทดแทน

บทวิเคราะห์วันนี้

IRPC (ปิด 2.74 ซื้อ/เป้า 3.2)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ดาวโจนส์ฟื้นตัวจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี แต่การฟื้นตัวเป็นไปอย่างจำกัดเนื่องจากตลาดยังกังวลไวรัส Covid-19 ระบาดรอบ 2 : วานนี้ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 154 จุด (+0.59%) ปิดที่ระดับ 26,025 จุด หลักๆมาจากการเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ตอบรับข่าว แอปเปิลเปิดตัวระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่บน iPhone และ Apple Watch ในงาน Worldwide Developers Conference นอกจากนี้นักลงทุนยังมีความคาดหวังเชิงบวกถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังจาก นาย สตีฟ ชวาร์ซแมน ผู้บริหารของแบล็คสโตน กรุ๊ป คาดการณ์ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะฟื้นตัวในรูปแบบ V-Shape ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตามดัชนีเพิ่มขึ้นในกรอบจำกัดเท่านั้นเนื่องจากนักลงทุนยังมีความกังวลต่อการระบาดรอบ 2 ของไวรัส Covid-19 ในสหรัฐหลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 รายใหม่ยังคงเพิ่มขึ้นในหลายมลรัฐ อาทิ แคริฟอเนีย, เท็กซัส
  • (+) กลุ่มธุรกิจน้ำมัน - ราคาน้ำมันดิบ WTI กลับมาปิดเหนือระดับ 40$/bbl ได้อีกครั้ง และเป็นระดับราคาสูงสุดในอรบ 3 เดือน : ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 90 เซนต์ (+2.3%) ปิดที่ระดับ 40.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 เดือน จาก 1) นักลงทุนยังคาดหวังเศรษฐกิจโลกและดีมานด์จะกลับมาฟื้นตัวจากการเปิดเศรษฐกิจและคลาย lockdown ของประเทศต่างๆ 2) จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐยังลดลงต่อเนื่องล่าสุด เบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่มีการใช้งานในสหรัฐลดลง 13 แท่นเป็น 266 แท่น ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 7 และ 3) BofA Global Research (Merrill Lynch เดิม) ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI ในปีนี้ เป็น 39.70$/bbl เดิม 32$/bbl  และเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ Brent ขึ้นเป็น 43.70$/bbl เดิม 37$/bbl
  • (+/-) พรุ่งนี้ติดตาม ประชุม กนง. คาดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.50% ตามเดิม : คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) จะจัดประชุมเพื่อพิจารณาปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันพรุ่งนี้ เบื้องต้นเราคาดว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ตามเดิม จาก 1) เราคาดว่าแบงก์ชาติน่าจะรอดูผลของการลดดอกเบี้ยครั้งก่อนรวมถึงผลจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา, 2) ต้องการเก็บเครื่องมือ หรือ (policy space) ไว้ในยามจำเป็นโดยเฉพาะหากเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนและหดตัวมากกว่าที่คาดไว้, 3) หากดอกเบี้ยต่ำเกินไป อีกด้านจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงจากการแสวงหาการลงทุน (Search for yield) แบบไม่ระมัดระวัง และ 4) เชื่อว่าแบงก์ชาติจะเน้นออกนโยบายด้านอื่นโดยมีเป้าหมายเฉพาะกลุ่มเข้ามาทดแทน เช่น มาตรการลดเงินนำส่งกองทุน FIDF และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เหมือนที่ได้ดำเนินการไปแล้ว