'วิษณุ' เล็งอัดซอฟท์โลน ช่วยเอสเอ็มอี

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การดูแลผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รัฐบาลดำเนินการโดยใช้เงินจากกองทุนเอสเอ็มอีตามแนวทางประชารัฐ ที่ปัจจุบันมีเงินทุนอยู่แล้วแต่รัฐบาลจะเพิ่มเงินให้อีก แล้วปล่อยกู้ตามระเบียบของกองทุนอ ซึ่งแนวทางนี้จะครอบคลุมเอสเอ็มอีได้อย่างครอบคลุม

“จำนวนเงินที่ใส่เข้าไปในกองทุนยังไม่รู้ว่าเท่าไร แต่เราอาจต้องใส่เพิ่ม ซึ่งรายละเอียดตรงนี้ผมไม่ทราบ ว่าจะต้องใช้เท่าไหร่ เพราะดูในส่วนของการนำเงินออก แต่การเติมเงินไม่ได้ดู และการให้กู้ก็มีระเบียบของกองทุนเอสเอ็มอีอยู่แล้ว”

สำหรับการจะนำเงินส่วนใดมาเพิ่มให้กับกองทุนเอสเอ็มอี นายวิษณุ ตอบว่า ก็แล้วแต่เมื่อถามต่อว่า สามารถนำเงินกองทุนอื่นมาใช้ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ขณะนี้คิดออกแค่อันเดียว แต่มองว่าแค่นี้ก็เพียงพอและครอบคลุมแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากองทุนเอสเอ็มอีตามแนวทางประชารัฐของรัฐบาลมีกรอบวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน 2 หมื่นล้านบาทปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ(ซอฟท์โลน)ให้กับเอสเอ็มอีดอกเบี้ย 1%มีระยะเวลาปลอดเงินต้น 3 ปี ระยะเวลาผ่อนชำระ 7 ปี วงเงินกู้สูงสุดต่อรายไม่เกิน 10 ล้านบาท

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ให้นายวิษณุได้ไปดูในรายละเอียดของข้อมูล ข้อกำหนดเกี่ยวกับมาตรการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กำลังดำเนินการอยู่วงเงิน 5 แสนล้านบาท เพราะยังมีเงื่อนไขหลายอย่างที่เป็นอุปสรรคกับผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีต้องการให้ดูแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการ เนื่องจากข้อกำหนด กฏหมายที่ยังเป็นอุปสรรค ในการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้กลุ่มผู้ประกอบการไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ดังนั้น นายกรัฐมนตรีได้กำชับนายวิษณุไปดูข้อกฏหมาย ว่าสามารถยืดหยุ่นได้หรือไม่

รวมทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้หารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อรับฟังข้อเสนอภาคเอกชนเกี่ยวกับการขอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามาค้ำประกันสินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ตาม พ.ร.ก.เงินกู้ซอฟท์โลน ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วงเงิน 5 แสนล้านบาท ต่อหลังจากหมด พ.ร.ก.ดังกล่าวแล้ว เพื่อจูงใจให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการได้ง่ายขึ้น