รับมือ 'บอนด์' ผันผวนกับ 'Absolute Return'

รับมือ 'บอนด์' ผันผวนกับ 'Absolute Return'

สภาวะตลาดการลงทุนในปัจจุบันมีความผันผวนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะตลาดตราสารหนี้ที่ผันผวนรุนแรง แต่หลังจากมีการจัดตั้งกองทุนรวม Corporate Bond Liquidity Stabilization (BSF) เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่อง ช่วยทำให้กลไกการทำงานของตลาดตราสารหนี้ไทย

โดยเฉพาะตราสารหนี้เอกชนกลับสู่ภาวะปกติที่มากขึ้น และสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดตราสารหนี้ได้

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงมีความกังวลถึงอันดับเครดิตตราสารหนี้ภาคเอกชน ตลอดจนความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสารหนี้หลายราย ทำให้อัตราผลตอบแทนและส่วนต่างอัตราผลตอบแทน (credit spread) ของหุ้นกู้ภาคเอกชนในตลาดรองยังคงอยู่ในระดับสูง

ดังนั้น ในสภาวะเช่นนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุน ด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่เรียกว่า “Absolute Return" ซึ่งเป็นกลยุทธ์การลงทุนแบบใหม่ ที่มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนเป็นบวกในทุกสภาวะตลาดและเหมาะสมกับสถานการณ์ผ่านกองทุนประเภทตราสารหนี้ อย่างกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ MULTIBONDS หรือ “SCBMBOND” เพื่อสร้างผลตอบแทนทั้งในช่วงตลาดขึ้นและลง

กองทุน “SCBMBOND” บริหารการลงทุนด้วยกลยุทธ์ Absolute Return ที่มีเป้าหมายผลตอบแทนที่ชัดเจนมีความสัมพันธ์ต่อตลาดโดยรวมค่อนข้างต่ำ และต่างจากกลยุทธ์ทั่วไปที่มักสร้างผลตอบแทนและเปรียบเทียบตามดัชนีอ้างอิงหรือตลาดโดยรวม กองทุนจะทำการผสมผสานการซื้อหลักทรัพย์ที่คาดว่ามูลค่าจะปรับขึ้นในอนาคต (Long) และขายหลักทรัพย์ที่คาดว่ามูลค่าจะปรับลงในอนาคต (Short) เพื่อโอกาสในการทำกำไรโดยลงทุนทั้งโดยตรงในตราสารและผ่านตราสารอนุพันธ์เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน

ผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 4 มิ.ย. 2563 ของกองทุนนับแต่จัดตั้ง จนถึงสิ้นเดือน เม.ย. 2563 อยู่ที่ 30.74% โดยกองทุนลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) คือ H2O MultiBonds อยู่ 97.38% ซึ่งเน้นลงทุนทั่วโลกในตราสารหนี้หลากหลายประเภททั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน ผ่านการลงทุนทั้งโดยตรงและตราสารอนุพันธ์ (derivatives) ที่มีสภาพคล่องสูงเป็นหลัก ช่วยกระจายความเสี่ยงการลงทุน ทำให้ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว

หากลองพิจารณาในส่วนของค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายรวมของ “กองทุน SCBMBOND” ปัจจุบันยกเว้นไม่เรียกเก็บ (จากปกติที่กำหนดไว้ว่าจะเรียกเก็บไม่เกิน 3.21% ต่อปี) ณ 9 มิ.ย. 2563 กองทุนมีสินทรัพย์สุทธิอยู่ที่ 5.1 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์ต่อหน่วยลงทุน (NAV) อยู่ที่ 13.0652 บาท โดยก่อนหน้านี้มูลค่าเคยเพิ่มขึ้นไปสูงสุดที่ 13.4421 บาท เมื่อ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา 

ในแง่ของ "ความเสี่ยง" กองทุน ถูกจัดว่าเป็นกองทุน "ความเสี่ยงสูง” ระดับ 5 และความผันผวนเป้าหมายของผลดำเนินงานอาจแกว่งตัวได้ถึงระดับ 8 – 15% ต่อปี

เนื่องจากกองทุนหลักมีการลงทุนโดยใช้กลยุทธ์ Absolute Return และ Relative Value ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่มีกลยุทธ์แบบซับซ้อน ดังนั้น ผู้ลงทุนมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินต้นทั้งหมด และ/หรือ ได้รับเงินต้นคืนไม่เต็มจำนวน หรือไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ อันเกิดจากสาเหตุ เช่น มูลค่าของสินทรัพย์ที่ลงทุนเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกับที่คาดการณ์ เป็นต้น นอกจากนี้ เป็นความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน

โดยภาพรวมแล้ว “กองทุน SCBMBOND” เหมาะกับผู้ลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก และยอมรับผลตอบแทนที่อาจต่ำกว่าหุ้นได้ สามารถลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว โดยคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป ก็น่าจะได้ประโยชน์จากกลยุทธ์ "Absolute Return” ได้ไม่น้อย ที่จะเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนเป็นบวก ในช่วงตลาดตราสารหนี้ผันผวน