ปชป. เปิดศึกไล่ 'จุรินทร์' ยึดโมเดล พปชร. ล่าชื่อ 'กก.บห.' ออกเกินครึ่ง

ปชป. เปิดศึกไล่ 'จุรินทร์' ยึดโมเดล พปชร. ล่าชื่อ 'กก.บห.' ออกเกินครึ่ง

รองเลขาฯ ปชป. ยอมรับมีความเคลื่อนไหวให้ กก.บห. พรรค ลาออกเกินครึ่ง กดดันเปลี่ยนหัวหน้า ชี้ “จุรินทร์” ไม่เหลียวแล ส.ส. “อุตตม” เคาะ 3 ก.ค.ประชุมใหญ่ พปชร. เลือก กก.บห. ใหม่ “สมพงษ์-สุดารัตน์” ตั้งโต๊ะแถลงยืนยันพรรคเอกภาพ ซัดรธน.ต้นเหตุ “กลุ่มแคร์” ตั

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เริ่มมีการเคลื่อนไหวภายในพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพื่อรวบรวมรายชื่อกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ให้ได้เกินครึ่งให้ยื่นลาออก จากจำนวนทั้งหมด 39 คน ตามโครงสร้างพรรค เพื่อให้ กก.บห.ทั้งหมดพ้นตำแหน่งไปโดยปริยาย เพื่อมีการเลือกหัวหน้าพรรค และกก.บห.ชุดใหม่

โดยก่อนหน้านี้ในช่วงต้นเดือน ก.พ. 2563 นายอันวา สาและ รองเลขาธิการพรรค และส.ส.ปัตตานี พร้อม 9 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เคยร่วมลงชื่อเรียกร้องขอให้ผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบัน เปิดประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อแก้ปัญหาภายในพรรค กรณีที่มี ส.ส.และสมาชิกของพรรคทยอยลาออก อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

โดยเฉพาะนายอภิชัย เตชะอุบล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลาออกจากตำแหน่งเหรัญญิกพรรคของ ถือเป็นการลาออกนำร่องของ กก.บห.คนแรก จากนั้นตามกำหนดเดิม ได้มีการเตรียมจัดประชุมเลื่อนประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 ในวันที่ 29 มี.ค.2563 แต่ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

มีรายงานว่า ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย เริ่มมีความเคลื่อนไหวเพื่อรวบรวมรายชื่อกก.บห.พรรคให้ลาออกอีกครั้ง เพื่อรอการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีตามที่ พ.ร.บ.พรรคการเมืองกำหนด ซึ่งในข้อบังคับพรรคพบว่า หากมี กก.บห.พรรคเกินกึ่งหนึ่งลาออก จะทำให้ กก.บห.พรรค ทั้งหมดต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะทันที โดยต้องดำเนินการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน นับแต่วันพ้นตำแหน่ง

ส่วนความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น เกิดจากการบริหารของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคปชป. ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับ ส.ส.ในพรรค รวมถึงมีกรณีแกนนำพรรคลาออกไปหลายคน ทำให้ส.ส.อยากให้การประชุมใหญ่ของพรรคที่จะจัดขึ้น หาแนวทางเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในพรรค

“อันวาร์” รับกก.บห.เคลื่อนไหว

ขณะที่นายอันวาร์ ยอมรับว่า ได้ยินเรื่องดังกล่าวเหมือนกัน แต่ยังไม่มีใครมาทาบทามให้ร่วมลงชื่อลาออกจากการเป็นรองเลขาธิการพรรค ส่วนตัวต้องการให้มีการปรับปรุงพรรคไปในทิศทางที่ดีขึ้น ไม่ได้ต้องการโค่นล้มใคร ยืนยันตามเนื้อหาในจดหมายที่เคยยื่นต่อหัวหน้าพรรคไปเมื่อต้นเดือน ก.พ. ต้องการให้มีการประชุมใหญ่โดยเร็วที่สุด เพื่อระดมสมองแก้ปัญหาภายในพรรคที่สูญเสียบุคลากรของพรรคไปอย่างต่อเนื่อง

“ผมไม่ได้ต้องการมีตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค เพียงเพื่อมาพิมพ์ในนามบัตร แต่เห็นว่าตำแหน่งบริหารมาพร้อมความรับผิดชอบที่ต้องขับเคลื่อนพรรคไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อเห็นอะไรเป็นปัญหาต้องร่วมกันแก้ไข สิ่งที่ต้องกลับมาพิจารณา คือสมาชิกที่ลาออกไปล้มเหลวที่จะอยู่กับพรรค หรือว่าการบริหารพรรคล้มเหลว สมาชิกไม่เห็นอนาคตจึงลาออกไป การประชุมใหญ่จะทำให้เราได้ระดมสมองร่วมกัน ผมยืนยันไม่เคยคิดโค่นล้มใคร แต่ต้องการเห็นพรรคยืนหยัดได้อย่างแข็งแรงอีกครั้ง”

“อุตตม” เคาะ3ก.ค.ประชุมพปชร.

นายไพบูลย์นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รักษาการรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการนัดประชุม รักษาการกรรมการบริหารพรรค เพื่อกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญ ในการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ว่า ล่าสุดนายอุตตม สาวนายน รักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะมีการเรียกประชุมรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ เพื่อกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี คือช่วงเช้าวันที่3ก.ค. นี้ โดยมีวาระสำคัญคือการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐชุดใหม่

“ซึ่งผมขอชื่นชมรักษาการหัวหน้าพรรค ซึ่งได้ทำหน้าที่แล้ว และผมเชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจกันและกัน เพื่อในการรักษาอุดมการณ์พรรคพลังประชารัฐไว้” นายไพบูลย์ กล่าว

“สมพงษ์-สุดารัตน์”รวมทีม

สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย (พท.) ภายหลังเกิดความขัดแย้งจากการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณฯ 8.8 หมื่นล้าน และการตั้งพรรคใหม่ของกลุ่มแคร์ ทำให้นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคพท. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพท. แถลงตอบโต้กระแสข่าวความขัดแย้งดังกล่าว

นายสมพงษ์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าพรรค พท.มีการแบ่งทำงาน ตนทำงานในสภาฯ คุณหญิงสุดารัตน์ทำงานด้านยุทธศาสตร์ ยืนยันว่าเราทำงานกลมเกลียวและเข้าใจกัน เพื่อให้ประโยชน์สูงสุดตกกับพรรค อะไรที่เข้าใจผิดขอให้เข้าใจกันด้วย เราสองคนทำงานกันอย่างกลมเกลียวและจริงจัง แต่แน่นอนว่าการทำงานย่อมติดขัดกันบ้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่และแก้ไขได้ ส่วนตัวเชื่อว่าส.ส.ของพรรคพท. ยังอยู่กับพรรคตามเดิม

มั่นใจส.ส.ตั้งพรรคใหม่อยู่ฝั่งปชต.

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เรามีการทำงานอย่างกลมเกลียวกัน หารือกันและต่างคนทำงานอย่างเข้มแข็ง ส่วนการที่มีส.ส.จะไปตั้งพรรค เราเข้าใจดีว่ากติกาแบบนี้ไม่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ ดังนั้นผู้เป็นนักการเมืองและต้องการเข้าสภาจึงไปทำพรรคการเมือง ซึ่งต่างเป็นเรื่องดีทั้งนั้น เพราะยังอยู่กับซีกประชาธิปไตย เป็นความจำเป็นจากรัฐธรรมนูญ และกติกาที่บิดเบี้ยวและเข้าใจกันดี

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพท. กล่าวว่า การตั้งพรรคเป็นเรื่องปกติ ตนยังมั่นใจว่าเราที่อยู่และสมาชิกที่ไปก็ยังทำงานร่วมกันในอนาคตกันอีกยาว เพราะยังอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกัน ทั้งหมดเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่มีการสื่อสารผิดพลาด ทำให้ส.ส.โดยเฉพาะส.ส.ภาคอีสานได้รับความทุกข์มากที่สุด ดังนั้นการยืนยันถึงความเป็นเอกภาพของพรรคได้ดีที่สุด ถ้ารัฐธรรมนูญไม่เป็นอย่างนี้ เชื่อว่ายังอยู่ด้วยกันทั้งหมด แต่เมื่อรัฐธรรมนูญไม่มีทางแก้ได้จึงต้องมีการหาที่ยืน

ก้าวไกลไม่พอใจส.ส.ดอดคุย“สุดารัตน์”

รายงานข่าวจากพรรคก้าวไกล ระบุว่า ช่วงที่มีการอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน มี ส.ส.พรรคก้าวไกล จากเขตพื้นที่กทม. นัดรับประทานอาหารเป็นการส่วนตัวร่วมกับคุณหญิงสุดารัตน์ สร้างความไม่พอใจให้กับแกนนำพรรคก้าวไกล และการนัดรับประทานอาหารระหว่าง ส.ส.บางส่วนของพรรคก้าวไกล กับคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก

โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า ส.ส.พรรคก้าวไกลกลุ่มดังกล่าว มีแต่สมาชิกที่เป็นตัวแทนประชาชนจากพื้นที่กทม. ประจวบเหมาะกับที่คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นผู้ดูแลส.ส.กทม.ของพรรคพท. จึงมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า อาจจะมีการดีลกันไว้ล่วงหน้าก่อนการเลือกตั้งในสมัยต่อไป ให้ส.ส.พรรคก้าวไกลหลีกทางให้ผู้สมัครของพรรคฝ่ายตัวเองลงสมัครเพื่อเพิ่มโอกาสชนะเลือกตั้งในระดับเขตของกทม.

ศาลรธน.สั่ง“ระวี รุ่งเรือง”พ้นส.ว.

วันเดียวกันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติให้ สมาชิกภาพของ นายระวี รุ่งเรือง สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 111(4) ประกอบมาตรา 108 ข. ลักษณะต้องห้าม(1)มาตรา98(8) และมาตรา 82 วรรคสี่ เนื่องจากเคยถูกลงโทษทางวินัยให้ไล่ออกจากราชการฐานประพฤติชั่วร้ายอย่างร้ายแรง ตามคำสั่งกรมการปกครองที่ 689/2539 ลงวันที่ 15 ส.ค.2539 กรณีกระทำการเรียกรับเงินจากผู้สมัครสอบคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิกอาสารักษาดินแดน อันเป็นพฤติกรรมในทางทุจริต