อยากซื้อ 'รถใหม่' ต้องรู้! 'ค่าใช้จ่าย' ที่อาจทำให้การเงินพัง ถ้าไม่วางแผน

อยากซื้อ 'รถใหม่' ต้องรู้! 'ค่าใช้จ่าย' ที่อาจทำให้การเงินพัง ถ้าไม่วางแผน

อยาก "ซื้อรถ" ต้องรู้! "รายจ่ายแฝง" และ "ค่าใช้จ่าย" ที่ตามมากับความสะดวกสบายที่ต้องวางแผนก่อนให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะช่วงวิกฤติ "โควิด-19"

โปรโมชั่นสุดพิเศษจาก "ค่ายรถยนต์" ที่แข่งกันทำตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าหลังตลาดรถยนต์ซบเซา ทว่าโปรโมชั่นที่ดูคุ้มค่าเหล่านี้อาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน โดยเฉพาะในเวลาที่ยังต้องเผชิญกับวิกฤติ "โควิด-19" ที่อาจยืดเยื้อต่อไปได้ทุกเมื่อ และอาจกระทบเงินในกระเป๋าต่อไปแบบยากจะคาดเดา

แม้ปัจจุบันจะมีโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจ ทั้ง "หั่นราคา" "ผ่อน 999/เดือน" "ขับฟรี 3 เดือน" "ผ่อน 0% 60 เดือน" "ดาวน์ 0%" ฯลฯ ตามเงื่อนไขของค่ายรถยนต์ต่างๆ แต่โปรโมชั่นเหล่านี้ครอบคลุมแค่ราคาตัวรถ ในการผ่อนชำระในแต่ละงวดเท่านั้น 

แต่สิ่งที่ลืมคิดไปไม่ได้คือการซื้อรถยนต์ 1 คัน ไม่ว่าจะรถใหม่ป้ายแดง หรือรถมือสอง ก็ย่อมมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามมา ทั้งในทางตรง ทางอ้อมกันทั้งนั้น และรายจ่ายแฝงเหล่านี้ที่คนซื้อรถจะต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อวางแผนการเงินให้ไม่กระทบกับชีวิตประจำวัน และแผนการเงินอื่นๆ โดย “กรุงเทพธุรกิจออนไลน์” รวบรวมรายจ่ายที่จะตามมาเมื่อซื้อรถยนต์ไว้ 9 เรื่องหลัก ดังนี้ 

159176468753

 1. เงินดาวน์ 

ค่าดาวน์รถ เงินก้อนแรกที่จะต้องถูกจ่ายไปก่อนที่จะซื้อรถยนต์ เป็นส่วนที่ไม่ถูกคิดดอกเบี้ย ยิ่งดาวน์ในสัดส่วนที่มาก เยอะยิ่งทำให้สามารถผ่อนชำระรายงวดได้ในจำนวนที่น้อยลง ซึ่งเท่ากับว่าช่วยให้เสียดอกเบี้ยน้อยลงตามไปด้วย

ทั้งนี้ เงินดาวน์จะแตกต่างกันออกไปตามเงื่อนไขของค่ายรถ และโปรโมชั่นต่างๆ 

โดยปกติสัดส่วนของการดาวน์รถจะอยู่ที่ 30% ของราคารถ แต่หากมีโปรโมชั่นฟรีดาวน์ หรือดาวน์ 0% นั่นหมายความว่าผู้ซื้อไม่ต้องจ่ายเงินก้อนในส่วนนี้เลย แต่จะต้องแบกรับดอกเบี้ยที่มากกว่าในระยะยาว

เรื่องเงินดาวน์ จึงเป็นสิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนซื้อรถ เพราะหากเริ่มต้นการซื้อโดยปลอดเงินดาวน์ แล้วเงินที่ต้องชำระต่องวดสูงอาจส่งผลกระทบต่อการเงินโดยรวมได้เช่นกัน 

 2. ค่าผ่อนรถ 

ปัจจุบันโปรโมชั่นออกรถ ขับก่อน ผ่อนทีหลัง นับเป็นข้อเสนอสุดจูงใจที่ทั้งสะดวก และสบายกระเป๋าในช่วงแรก เช่น ขับฟรี 3 เดือนแรก สำหรับค่าผ่อนชำระรถยนต์ มีตั้งแต่เริ่มต้น 3,000 บาทขึ้นไป ตามราคารถและระยะเวลาในการผ่อนชำระ ซึ่งถือเป็นรายจ่ายส่งผลกระทบต่อสภาพคล่อง และเป็นภาระต่อเนื่องยาวนานซึ่งส่วนใหญ่เฉลี่ย 4-7 ปี

ตัวอย่างการคำนวณการผ่อนชำระจาก กรุงศรีออโต้ ในกรณีซื้อรถในช่วงมีโปรโมชั่นฟรีดาวน์ ราคารถยนต์รวม VAT (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) แล้วอยู่ที่ 600,000 บาท เลือกผ่อนชำระ 60 เดือน ไม่มีเงินดาวน์ ดอกเบี้ย 5% (ขึ้นอยู่กับไฟแนนซ์รถแต่ละบริษัท) เท่ากับว่าต้องผ่อนค่างวดต่อเดือน 10,834 บาท 

เท่ากับว่าในแต่ละเดือนจะต้องเตรียมเงินสำหรับผ่อนชำระรถยนต์ราว 11,000 บาท โดยเงินจำนวนนี้เมื่อรวมกับหนี้สินอื่นๆ ทั้งหมดที่มีไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ 

159170018789

159176470512

 3. ค่าเชื้อเพลิง 

น้ำมัน หรือแก๊ส คือค่าใช้จ่ายที่ต้องตามมาอย่างแน่นอนเมื่อมีรถ ซึ่งจะมากน้อยขึ้นอยู่กับการใช้งาน เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง หากประเมินค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเชื้อเพลิงคร่าวๆ สำหรับคนที่ใช้รถทุกวัน ค่าเชื้อเพลิงมักเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 3,000-5,000 บาท สำหรับรถคันเล็ก ส่วนรถคันใหญ่กว่า หรือรถที่มีอัตราบริโภคน้ำมันสูงกว่า ค่าเชื้อเพลิงอาจแตะถึง 10,000 บาทต่อเดือน ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้เป็นส่วนที่ต้องนำมาพิจารณาในภาพรวมว่า ระหว่างการใช้รถยนต์ที่มีค่าน้ำมันต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับการเดินทางโดยรถสาธารณะ รูปแบบไหนเหมาะกับเส้นทางหลักที่ต้องเดินทางเป็นประจำและคุ้มค่ามากกว่ากัน เพื่อให้การใช้รถยนต์ตอบโจทย์ทางการเงิน และเกิดประโยชน์สูงสุด

 4. ประกัน พ.ร.บ. 

ประกัน พ.ร.บ. ถือเป็นประกันภัยภาคบังคับที่รถทุกคันต้องมีไว้สำหรับคุ้มครองผู้ประสบภัยจากการขับขี่ ซึ่งมีความสำคัญมาก โดยประกัน พ.ร.บ. จะให้ความคุ้มครองเฉพาะคนที่ประสบอุบัติเหตุไม่ว่าจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด (เฉพาะตัวบุคคลเท่านั้น ไม่รวมความเสียหายของยานพาหนะ) เพราะฉะนั้น เจ้าของรถทุกคันจึงจะต้องเตรียมเก็บเงินไว้จ่าย ประกัน พ.ร.บ. ปีละครั้ง ซึ่งค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันออกไปตามประเภทรถ รถเก๋ง/รถกระบะ 4 ประตู ประมาณ 600 บาท ส่วนรถกระบะ 2 ประตู ประมาณ 900 บาท

 5. ค่าต่อภาษีรถยนต์ประจำปี 

เป็นอีกหนึ่งภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียเป็นประจำทุกปี ซึ่งค่าภาษีของรถแต่ละรุ่นจะแตกต่างกันออกไปตามขนาดและประเภทของรถ ความจุเครื่องยนต์ ไปจนถึงอายุการใช้งาน

159171622225

ตัวอย่างการคำนวณภาษีรถยนต์เครื่องยนต์ 1,500 ซีซี

คำนวณ 600 ซีซี แรก ซีซี ละ 0.5 บาท ดังนั้น 600 x 0.5 = 300 บาท
ส่วนตั้งแต่ 601-1,500 ซีซี ละ 1.50 บาท ดังนั้นเฉลี่ย (1,500–600) = 900 x 1.50 = 1,350 บาท

หมายความว่าค่าต่อภาษีรถยนต์ประจำปีของรถยนต์เครื่องยนต์ 1,500 ซีซี รวมเป็นค่าภาษีทั้งหมด 300+1,350 = 1,650 บาท 

โดยอัตราค่าภาษี ปีที่ 1–5 จะคงที่ ส่วนรถที่อายุการใช้งานเกิน 6 ปี จะลดภาษีลง 10% ไปจนสูงสุดถึง 50% ในปีที่ 10 และจะคงที่ 50% ในปีต่อๆ ไป  และรถที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 7 ปี จะต้องจะต้องมีใบรับรองการตรวจสภาพ ตรอ. จึงจะสามารถต่อภาษีได้ 

 6. ค่าประกันภัยรถยนต์ 

รถใหม่ป้ายแดงปีแรกมักจะมีประกันชั้น 1 แถมมาให้ใช้สบายๆ แต่เมื่อเข้าสู่ปีที่ 2 จะต้องทำประกันภัยเอง โดยต้องชำระค่าประกันเป็นรายปี ทั้งนี้ ประกันมีให้เลือกประกันตั้งแต่ประกันชั้น 3 เริ่มต้นหลักพันบาท ไปจนถึงประกันชั้น 1 ที่มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นประมาณ 5,000–10,000 บาท ขึ้นไป ตามประเภท, ขนาดของรถ และรายละเอียดอื่นๆ รวมถึงโปรโมชั่นของแต่ละบริษัทประกันในช่วงเวลานั้นๆ ด้วย 

แม้ประกันรถยนต์จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลยสำหรับผู้ขับขี่ เนื่องจากช่วยเป็นหลักประกันว่า เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่จะได้รับความคุ้มครองต่างๆ ที่ไม่ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายที่มากเกินไปเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

159176473610

 7. ค่าใช้จ่ายในการดูแลบำรุงรักษารถยนต์ 

การใช้งานรถยนต์จำเป็นต้องมีการบำรุงรักษาเฉลี่ยทุก 6-12 เดือน หรือทุก 10,000 กิโลเมตร เช่น การตรวจเช็คสภาพรถประจำปี ค่าเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ค่าเปลี่ยนยางรถยนต์ ฯลฯ โดยค่าใช้จ่ายก็แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับยี่ห้อรถ รุ่นรถ การใช้งาน และลักษณะการใช้งานของแต่ละคน โดยค่าบำรุงรักษาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณปีละ 5,000-10,000 บาท แต่ถ้าเป็นรถยนต์ ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น หรือรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานนาน ค่าบำรุงรักษาอาจสูงถึงหลายหมื่นบาทต่อปี ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องคำนึงถึงในระยะยาว และต้องเตรียมเงินส่วนนี้ไว้เพื่อไม่ให้กระทบค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน 


 9. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่พ่วงมาจากการใช้รถ 

การใช้รถมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ พ่วงมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็น ค่าล้างรถ ค่าทางด่วน ค่าเช่าที่จอดรถของสำนักงาน ค่าบริการจอดรถในสถานที่ต่างๆ อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ฯลฯ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความจำเป็นของแต่ละบุคคล โดยเฉลี่ยอยู่ที่ราวเดือนละ 500-1,500 บาท

จะเห็นได้ว่าการซื้อรถยนต์มีค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามมานับตั้งแต่เดือนแรก จนถึงเดือนสุดท้ายที่ใช้รถแม้จะผ่อนชำระหมดแล้วก็ตาม ดังนั้น การสร้างรายจ่ายประจำในสภาวการณ์ที่ไม่ปกติจึงเป็นเรื่องที่ต้องระวัง โดยเฉพาะคนที่ "ยังไม่พร้อม"

อย่างไรก็ดี หากประเมินแล้วว่าเรามีกำลังพอที่จะแบกรับรายจ่าย และรายจ่ายแฝงที่จะเพิ่มขึ้นมาหลังจากซื้อรถดังที่กล่าวไปแล้วในข้างต้น โดยไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน ไม่กระทบต่อแผนทางการเงินอื่นๆ ที่วางไว้ ก็สามารถใช้โอกาสนี้คว้ารถยนต์ในฝันภายใต้โปรโมชั่นเด็ดๆ มาครอบครองได้

ข้อมูลอ้างอิง: motorexpo roojai รุงศรีออโต้ กรมการขนส่งทางบก