"ENERGY" SECTOR (5 มิ.ย.63)

"ENERGY" SECTOR (5 มิ.ย.63)

ราคาน้ำมันถูกผลักดันโดนฝั่ง supply

Supply น้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นหากกลุ่ม OPEC+ ไม่สามารถตกลงในการขยายการลดกำลังการผลิตต่อไปในเดือนกรกฎาคม การฟื้นตัวของ demand ใน US นั้นมีทั้งแง่ดีและร้าย โดยการฟื้นตัวที่ช้าของน้ำมันเบนซินและการลดลงของความต้องการของน้ำมันดีเซล ในสองสัปดาห์หลังการผ่อนคลายการ lockdown ในอีกแง่หนึ่ง คลังน้ำมันที่ถูกใช้งานใน Cushion ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่า crack spread จะยังคงอยู่ในระดับต่ำ การกลับตัวของ NRV จะช่วยหนุนกำไรสำหรับโรงกลั่น เราแนะนำกลุ่มพลังงานมากกว่าตลาด ในมีหุ้นเด่น คือ TOP PTTGC และ IVL

 

Supply น้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นราว 2m bpd ถ้ากลุ่ม OPEC+ ไม่สามารถยืดระยะเวลาการลดกำลังการผลิตดต่อไปได้

ซาอุฯและรัสเซียได้ตกลงที่จะสนับสนุนการขยายระยะเวลาการลดกำลังการผลิตต่อไปจนถึงกรกฎาคามราว 9.7m bpd และ OPEC+ ก็ได้ยอมรับข้อตกลงนี้ด้วยในเดือนเมษายน  อย่างไรก็ตามทั้งสองประเทศได้ล้มเหลวที่จะนัดประชุมกลุ่ม OPEC+ เพื่อหาข้อตกลงในการลดกำลังการผลิตต่อ ซึ่งอาจจะหมายถึงว่า OPEC+ จะกลับไปยึดข้อตกลงเดิมในเดือนเมษายนว่าจะลดกำลังการผลิตเป็น 7.7m bpd ในเดือนกรกฎาคมจนถึงธันวาคม ดังนั้น supply น้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2m bpd ในเดือนหน้าในขณะที่การฟื้นตัวของ demand ใน US นั้นมีทั้งแง่ดีและร้าย โดยการฟื้นตัวที่ช้าของน้ำมันเบนซินและการลดลงของความต้องการของdistillates ในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบจะขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของวามต้องการน้ำมันซึ่งคาดว่าจะเห็นชัดเจนขึ้นในเดือนกรกฎาคมหลังจากการปลด lockdown

 

คลังน้ำมันที่ถูกใช้งานใน Cushion รัฐ Oklahoma ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในและคาดว่าการผลิต shale oil จะลดลงราว 1m bpd ในมิถุนายนเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน

ประเด็นบวกจากคลังน้ำมันใน Cushing ซึ่งเป็นศูนย์คลังน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดใน US และของโลกที่ 76m bbl หรือ 13% ของปริมาณคลังน้ำมันทั้งหมดของ US โดยอัตราการใช้คลังน้ำมันลดลงจาก 83% ในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคมสู่ระดับ 61% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่น้ำมันดิบคงคลังของ US ยังคงอยู่ในระดับ 532m bbl หรือ 61% (ไม่นับรวมน้ำมันคงคลังในท่อส่งและที่ขนส่งโดยระบบราง) ของปริมาณคลังน้ำมัน จากความต้องการที่ยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องน้ำมันดิบคงคลังของ US จะคงลดลงต่อ คาดว่าการผลิต shale oil ใน US จะลดลงราว 1m bpd ในเดือนมิถุนายนเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน เนื่องจากการปิดฐานการผลิต shale oil เราคาดว่าผู้ขุดเจาะ shale oil จะเริ่มดำเนินการต่อในหลุมที่เพิ่งปิดไปเร็วๆนี้ จากจำนวนหลุมขุดเจาะที่ลดลงต่อเนื่องสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2007 ที่ 271

 

Crack spreads จะยังคงอยุ่ในระดับต่ำ แต่การกลับตัวของ NRV จะช่วยหนุนกำไรของกลุ่มโรงกลั่น

Crack spreads อาจจะไม่ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ยกเว้นว่าการฟื้นตัวของความต้องการจะเป็นในรูปแบบ V-shape โรงกลั่นทั่วโลกได้ปรับลดอัตราการผลิตเนื่องจากความต้องการที่อ่อนแอและยังมีมีกำลังการผลิตให้เพิ่มเมื่อความต้องการฟื้นตัว อัตราการผลิตของโรงกลั่น US นั้นอยู่ที่ 72% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาฟื้นตัวจาก 68% ในสัปดาห์ของวันที่ 8 พฤษภาคม สำหรับโรงกลั่นในไทย จะรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากการกลับตัวของ NRV สำหรับในช่วงเวลาที่ราคาน้ำมันได้ลดลงเหมือนใน 1Q20 โรงกลั่นจะ มีผลขาดทุนในไตรมาส และจะกลับตัวเมื่อผ่านไปอีกหนึ่งไตรมาส หากน้ำมันดิบดูไบยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า US$40/bbl ในเดือนมิถุนายน เราคาดว่าโรงกลั่นจะไม่มีรายการ stock gain ใน 2Q จากราคาน้ำมันที่ลดลงลึกในเดือนเมษายน จาก NRV และรายการ stock gain/loss หุ้น TOP และ SPRC จะมีรายการพลิกกลับมาเป็นกำไร NRV Bt3.5bn และ Bt5.2bn ใน 2Q20 และจะมีรายการ stock gain/loss เพียงเล็กน้อย

 

ยังคงมุมมองที่ดีต่อโรงกลั่นและปิโตรเคมี

สำหรับ TOP และ SPRC ค่าการกลั่นตลาดใน 2Q20 จะอยู่ที่ราว US$3.0/bbl และ 4.0/bbl เทียบกับ US$0.1 และ US$1.3 ใน 1Q20 ตามลำดับจาก crude discount ใน 2Q20 แม้ว่าราคาหุ้นส่วนใหญ่จะปปรับตัวขึ้นมาใกล้ระดับราคาเป้าหมายของเรา เรามอง upside จากการปรับราคาเป้าหมายไปสู่ปี FY21 จากการที่นักลงทุนคาดว่าจะมีการฟื้นตัวไปในปีหน้า หุ้นเด่นของเราจะยังเป็น TOP PTTGC และ IVL โดย PTTGC มีค่า PBV valuation ทีต่ำที่สุดที่ 0.6x FY20F PBV เมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่นในกลุ่ม