'โรม' จี้เลิกเก็บ DNA คนไทยก่อนเข้าประเทศ เพราะละเมิดสิทธิ์

'โรม' จี้เลิกเก็บ DNA คนไทยก่อนเข้าประเทศ เพราะละเมิดสิทธิ์

"โรม" ยัน! ต้องเลิกเก็บ DNA คนไทยก่อนเข้าประเทศ เพราะละเมิดสิทธิ์ ด้าน"ทนายอานนท์" ยื่น กมธ.กฎหมาย เอาผิด"กลุ่มล่าแม่มด"และเจ้าหน้าที่รับคุกคามผู้เห็นต่าง

นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิ มนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร หรือ กมธ.กฎหมาย ผ่านนายรังสิมันค์ โรม โฆษก กมธ.กฎหมาย เพื่อขอให้เรียกเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ เข้าชี้แจงต่อ กมธ.กฎหมาย ตลอดจนตรวจสอบหาตัวบุคคลผู้ดูแลบัญชีเฟซบุ๊ก ซึ่งกระทการคุกคามและละเมิดสิทธิมนุษยชน

นายอานนท์ ระบุว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเกิดปรากฏการณ์ "ล่าแม่มด" หรือการคุกคามทางออนไลน์ ต่อผู้แสดงความเห็นเกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูง โดยเฉพาะใน"เพจ รอยัลลิสต์ มาร์เก็ตเพลส" มีการกดดันถึงที่ทำงานให้นายจ้างเลิกจ้างในหลายกรณี รวมถึงปลุกระดมให้มีการไปแจ้งความในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่ใช่ภูมิลำเนาของตัวจำเลย ที่แม้มีสิทธิ์ตามกฎหมาย แต่เป็นการกลั่นแกล้งผู้อื่น ตลอดจนกรณีเจ้าหน้าที่รัฐคุกคามผู้มีความเห็นต่างทางการเมือง และการสร้างเพจทางการเมืองขึ้นมาไล่ล่ากันในสังคม พร้อมกันนี้แนบรายชื่อเพจต่างๆที่เข้าข่ายมาด้วยส่วนหนึ่ง



ทางด้านของ นายรังสิมันต์ รับปากว่า จะนำเรื่องเข้า กมธ.กฎหมาย เพื่อพิจารณา ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นการใช้กระบวนการยุติธรรมเพื่อกลั่นแกล้งกัน และอยู่ในขอบเขตอำนาจของ กมธ.กฎหมาย ที่จะสามารถเข้าไปดูได้ โดยจะทำหน้าที่ศึกษาและทำเป็นรายงานเข้าสู่สภาฯ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงผลการประชุม กมธ.กฎหมายฯวันนี้ว่า มีการพิจารณากรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐ ตรวจเก็บ DNA ชาวไทยมุสลิมที่จะเข้าประเทศ โดยสวมรอยจากสถานการณ์สิทธิทางการมีเงื่อนไขใบรับรองแพทย์และหนังสือรับรองจากประเทศต้นทาง แต่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ กลับมีการตรวจเก็บ DNA ด้วย ประชาชนจำยอมให้ตรวจเก็บ DNA เพราะอยากกลับประเทศบ้านเกิด

ส่วนบรรยากาศการพูดคุยเป็นไปด้วยดี ผู้มาชี้แจงมีทั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย, ปลัดกระทรวงต่างประเทศ, ปลัดกระทรวงสาธารณสุขและตัวแทนตำรวจตรวจคนเข้าเมือง โดย กมธ.กฎหมายฯ มีมติให้ยกเลิกการเก็บ DNA ซึ่งเคยมีข้อเสนอในเรื่องนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ฝ่ายความมั่นคงพยายามเก็บ DNA ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้แบบเหวี่ยงแห เดาสุ่ม เพื่อเป็นฐานข้อมูลมาโดยตลอด ซึ่งอาจผิดกฎหมาย เพราะเป็นการละเมิดสิทธิ์ และการจงใจมาสวมรอยช่วงโควิด -​19 จึงเป็นการดำเนินการเรื่องที่มีข้อกังขาและถกเถียงกันอยู่ บนความทุกข์ยากของประชาชนด้วย