โบรกฟันธง ‘หุ้นไทย’ แพง! เตือนระวังลงทุน-หวั่นกำไรไตรมาส 2 ‘ทรุดหนัก’

โบรกฟันธง ‘หุ้นไทย’ แพง! เตือนระวังลงทุน-หวั่นกำไรไตรมาส 2 ‘ทรุดหนัก’

นักวิเคราะห์ เตือนเพิ่มความระมัดระวังลงทุนในหุ้น หลังดัชนี “หุ้นไทย” เริ่มแพง ทั้ง ส่อปรับฐานในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า บล.กรุงศรี แนะโยกเข้ากลุ่มหลบภัย ด้าน บล.บัวหลวง คาดกำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 ปีนี้ ส่อหดตัวกว่า 47%

นายอิสระ อรดีดลเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กรุงศรี เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยหลังจากนี้ต้องระมัดระวังมากขึ้น  เนื่องจากราคาหุ้นเริ่มแพง หลังจากในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นมาแล้วกว่า 20% และยืนเหนือระดับ 1,300 จุด โดยมีการเทรดกันที่ระดับ 3.6-3.7SD (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) หรือสูงกว่าค่าเฉลี่ยเกือบ 3.6-3.7 เท่า

ทั้งนี้แนะนำนักลงทุนควรเริ่มปรับพอร์ตลงทุนออกจากหุ้นที่มีราคาเริ่มแพงแล้ว เนื่องจากคาดว่าในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าตลาดหุ้นไทยอาจมีโอกาสเกิดการปรับฐาน พร้อมแนะให้โยกการลงทุนเข้าไปในกลุ่มที่ปลอดภัย อาทิ กลุ่มไอซีที,กลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มโรงกลั่น เป็นต้น หรือใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์อื่นที่มั่นคง อาทิ ทองคำ หรือ พันธบัตรรัฐบาล เพื่อป้องกันการผันผวนของตลาด

“มองช่วง 3 เดือนหลังจากนี้ตลาดหุ้นไทยคงขึ้นได้ไม่เยอะ เนื่องจากระดับราคาของตลาดแพงมากแล้ว อย่างไรก็ตาม หากมองแนวโน้มในช่วง 12 เดือนข้างหน้าคาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยที่เป็นรูปร่างมากขึ้น เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากมาตรการของภาครัฐและธนาคารกลางต่างๆทั่วโลกที่ทยอยออกมา ซึ่งเชื่อว่าแม้หมดโควิด -19 มาตรการต่างๆก็น่าจะยังคงอยู่”

159101888088

ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจของไทยตอนนี้ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่แน่ชัด ซึ่งเริ่มมีการปรับสมดุลของจำนวนผู้ติดเชื้อที่ทยอยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเริ่มมีการทยอยเปิดให้ภาคธุรกิจกลับมาทำกิจกรรมต่างๆได้ในช่วงหลังจากนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามมองว่าตัวเลขเศรษฐกิจน่าจะออกมาต่ำสุดในช่วงไตรมาส 2/2563 หากสถานการณ์ยังเป็นเหมือนในปัจจุบันและไม่เกิดการลุกลามต่อเนื่องในระยะที่ 2

นายปรเมศร์ ทองบัว ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.บัวหลวง กล่าวว่ามองภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2/2563 เชื่อว่าจะแย่แน่นอน แต่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3-4 ซึ่งคาดว่าจะกลับมาเป็นบวกได้ ขณะที่ส่วนของภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยคาดว่าปัจจุบันนักลงทุนไม่ได้โฟกัสที่ตัวเลขจีดีพีในไตรมาส 2/2563 แล้ว แต่มองข้ามการฟื้นตัวไปยังช่วงครึ่งปีหลังว่าจะทำได้รวดเร็วมากน้อยเพียงใด

ส่วนแนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในช่วงไตรมาส 2/2563 ประเมินว่าจะปรับตัวลดลงประมาณ 47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าหดตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 1 ที่ปรับตัวลงกว่า 60% ประกอบกับมองว่ามีแนวโน้มที่หุ้นหลายตัวจะเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนได้ในช่วงไตรมาส 2-3 ของปีนี้

ขณะที่ในส่วนของค่าพีอีของตลาดหุ้นไทยนั้น แม้เทียบกับกำไรตลาดปีนี้จะอยู่ในระดับสูงเกือบ 20 เท่า แต่หากเทียบกับกำไรปี 2564 จะส่งผลทำให้พีอีปรับตัวลดลงมาอยู่บริเวณ 15.9 เท่า ซึ่งถือว่ายังเป็นระดับที่มีอัพไซด์ขึ้นต่อได้ ส่วนมุมมองตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่าจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในดอกเบี้ยต่ำ, สภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูง และภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวจะช่วยหนุนภาพรวมบรรยากาศการลงทุนในปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าในช่วงปลายปีตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวขึ้นไปบริเวณ 1,436 จุดได้

“หากเทียบกับแวลูชั่นตลาดปี 2564 เชื่อว่ายังมีหุ้นหลายกลุ่มที่ยังดูไม่แพง เช่น อาหาร ค้าปลีก ส่วนกลุ่มที่คาดว่าจะฟื้นตัวหลังโควิด-19 และปัจจุบันยังมีส่วนลดสูงถึง 20-25% คือ กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มการแพทย์ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มท่องเที่ยว”

ส่วนการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยวานนี้(1มิ.ย.) ปิดที่ระดับ 1,352.37 เพิ่มขึ้น 9.52 หรือ 0.71% มูลค่าการซื้อขาย 65,154 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่สองที่ 1,393.92 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,398.41 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 416.36 ล้านบาท และ นักลงทุนในประเทศ ขายสุทธิ 3,208.70 ล้านบาท