BCH -ซื้อ

BCH -ซื้อ

กำลังจะผ่านช่วงเลวร้ายใน 2Q63

Event

Conference call หลังส่งงบ 1Q63

lmpact

คาดผลการดำเนินงานใน 2Q63 จะเป็ นจุดต่ำสุดในรอบปีนี้

หลังจากที่ผลประกอบการใน 1Q63 ดีขึ้นเล็กน้อย โดยมีกำไรสุทธิ 259 ล้านบาท (+4.4% YoY, +7.6% QoQ) เราคาดว่าผลประกอบการของ BCH ใน 2Q63 จะแย่ที่สุดในรอบปีนี้ เพราะถูกกระทบอย่างหนักจากความกังวลเกี่ยวกับโรคระบาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่มาใช้บริการ WMC
ลดลงอย่างมาก (14.9% ของรายได้รวมใน 1Q63) แต่ปัจจัยลบดังกล่าวอยู่ในคาดการณ์เราแล้ว นอกจากนี้ BCH ยังมีรายได้จากการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ซึ่งจนถึงปัจจุบันตรวจไปแล้วประมาณ 90,000 ราย สูงที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน และคิดเป็นประมาณ 24% ของทั้งประเทศ) นอกจากนี้ ดูเหมือนว่า
บริการนี้จะเป็นแหล่งรายได้ของบริษัทต่อเนื่องถึงปีหน้า เพราะคาดว่าวัคซีนจะนำมาใช้ได้ภายในปลายปี 2564 ทั้งนี้ โรงพยาบาลในเครือ BCH 14 แห่งสามารถให้บริการตรวจหาเชื้อ COVID-19 (Swab Test)

แนวโน้มใน 2H63 ดูแข็งแกร่งขึ้น HoH

จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ดีขึ้นทั้งในประเทศไทยและอีกหลายประเทศ ทำให้เรามองว่าแนวโน้มของ BCH ใน 2H63 น่าจะแข็งแกร่งขึ้น HoH เนื่องจาก i) 3Q และ 4Q มักจะเป็นไปไตรมาสที่ผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง ii) จำนวนผู้ป่ วยต่างชาติน่าจะฟื้นตัวได้ใน 3Q63 จากการผ่อนคลายมาตรการ lockdown ทั่วโลก นอกจากนี้ แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทใน 2H63 ก็มีโมเมนตั้มด้านบวกจาก i)รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการที่ SSO ปรับขึ้นอัตราค่ารักษาพยาบาล YoY ii) ผลการดำเนินงานของ WMC ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง iii) ผลการดำเนินงานของ KH RAM ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง (EBITDA เป็นบวกที่ 75 ล้านบาทใน 1Q63) และ iv) การเปิดโรงพยาบาล KIH อรัญประเทศตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม โดยสรุปแล้ว เราคาดว่า BCH จะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เพียงชั่วคราวเท่านั้น

คงประมาณการกำไรปี FY63-64F เอาไว้เท่าเดิม

เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2563F เอาไว้ที่ 1.19 พันล้านบาท (+5.5% YoY) และปี 2564F ไว้ที่1.36 พันล้านบาท (+13.9% YoY) โดยอิงจากสมมติฐานดังต่อไปนี้ i) อัตราการเติบโตของรายได้ปีนี้ที่ 9.9% และปีหน้าที่ 8.0% ii) อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ที่ 31.6% และปีหน้าที่ 32.5% และ iii) สัดส่วน SG&A/ยอดขายที่ 14.0% ทั้งในปี 2563-64F ซึ่งสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และจำนวนผู้ป่วยจากตะวันออกกลางที่มาใช้บริการ WMC ลดลงอย่างมากใน 2Q63 เพราะสถานการณ์โรคระบาด

Valuation & Action

สำหรับในปี 2563 เรายังคงคาดว่าจำนวนผู้ป่วยลงทะเบียนที่เพิ่มขึ้นเป็น 888,000 ราย (+3.6% YoY เมื่อสิ้นงวด 1Q63) และการปรับค่ารักษาพยาบาลจากสำนักงานประกันสังคมจะช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทแม้ว่าจะถูกกดดันจากสถานการณ์โรคระบาด ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ และประเมิน
ราคาเป้าหมาย DCF ที่ 22.30 บาท

Risks

การแทรกแซงของรัฐบาล ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองรอบใหม่ของไทย และก่อการร้ายครั้งใหญ่