'อัพสกิล' รับสังคมเก็บตัว ภูมิคุ้มกันช่วงรอวัคซีน 

'อัพสกิล' รับสังคมเก็บตัว ภูมิคุ้มกันช่วงรอวัคซีน 

ขณะนี้ผู้คนต้องดำเนินชีวิตไปกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาจนกว่าจะมีวัคซีนป้องกัน ดังนั้นการเรียนรู้ที่จะอยู่กับไวรัส จึงเป็นหนทางที่ต้องทำพร้อมกับมาตรการด้านสุขอนามัย รวมถึงมองหาอาชีพที่สองหรืออัพสกิลตัวเอง ให้พร้อมรองรับความปกติใหม่ให้เร็วที่สุด

จนถึงขณะนี้ผู้คนทั่วโลกยอมรับแล้วว่า จะต้องดำเนินชีวิต ดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ ร่วมกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ต่อไปอีกเป็นปี หรือนานกว่านั้น จนกว่าจะมีประเทศใดประเทศหนึ่งเป็น “ฮีโร่” คิดค้นวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสนี้ ดังจะเห็นการ “คลายล็อกดาวน์” ของภาคธุรกิจต่างๆ ของนานาประเทศ รวมถึงประเทศไทย สะท้อนว่าการดำเนินมาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลานาน เพื่อสกัดการระบาดของโควิด ที่สุดแล้วจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวหนัก ขณะที่เชื้อไวรัสก็ยังไม่จางหาย “การเรียนรู้ที่จะอยู่กับไวรัส” จึงน่าจะเป็นหนทางที่พอรับได้กับทุกฝ่ายมากที่สุดในเวลานี้

อย่างไรก็ตาม การดำเนินมาตรการคลายล็อกดาวน์ จำเป็นต้องดำเนินไปพร้อมกับ “มาตรการด้านสุขอนามัยที่เข้มข้น” ในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง “การ์ดอย่าตก” ไม่เช่นนั้นอาจถูกน็อก หรือเกิดการระบาดระลอก 2 ตามมา อาทิ ต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ ขณะที่การเว้นระยะห่างทางสังคมยังเป็นเรื่องจำเป็น โดยรัฐยังคงขอความร่วมมือประชาชนให้ทำงานที่บ้าน (เวิร์คฟรอมโฮม) ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมรับความปกติใหม่ (นิวนอร์มอล) ที่ผู้คนจะอยู่ใน “สังคมเก็บตัว” ไปอีกระยะซึ่งไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน ตราบใดที่โรคอุบัติใหม่ยังตามรังควานไม่เลิก หมดโควิด-19 ก็อาจมีโรคระบาดอื่นตามมา

ความปกติใหม่ที่ว่านี้ ในความหมายคือ การใช้ชีวิตของผู้คนที่ต้องพึ่งพาตัวเองสูงขึ้น จากการปฏิสัมพันธ์ชนิดเห็นหน้าเห็นตากันลดลง สวนทางกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่พุ่งขึ้น ในทุกกิจกรรมเกือบจะเคลื่อนด้วยออนไลน์ เช่น การสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ การประชุมทางออนไลน์ การทำประกอบอาหารทานเองที่บ้าน เรียนตัดผม หรือแม้แต่การมองหาอาชีพที่สองเพื่อลดความเสี่ยงในการหารายได้ในอนาคต ก็สามารถสืบค้น อบรมผ่านช่องทางออนไลน์ที่คอร์สอบรมมีอยู่คึกคัก เพื่อ “เพิ่มหรือปรับทักษะ” (อัพสกิล/รีสกิล) ตัวเอง ให้พร้อมรองรับการความปกติใหม่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะตกกระแสเป็นคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ซึ่งจะได้รับผลกระทบหนักกว่า

ทั้งนี้ แม้ว่าการเฝ้ารอวัคซีน จะเป็นความหวังของมวลมนุษยชาติในขณะนี้ แต่ก็ไม่ควรจะฝากความหวังไว้ที่น้ำบ่อหน้า ทั้งที่ไม่รู้ว่าหนทางเดินสู่ลำธารอันฉ่ำเย็นนั้น ต้องใช้เวลาเดินทางยาวนานแค่ไหน “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” จึงเป็นทางรอดในยุคโควิด หาชัยภูมิเหมาะๆขุดบ่อน้ำเล็กๆที่ปลอดเชื้อโรค แบบถือสันโดษน่าจะเหมาะที่สุดแล้ว วัคซีนค้นพบได้เมื่อไหร่ ความปกติใหม่จะหมดไปหรือไม่ หรืออยู่กับเราตราบนานเท่านาน ก็ยังไม่รู้ชัด แต่ถ้ามีเตรียม“ภูมิคุ้มกัน”ตัวเองให้พร้อมรับทุกสถานการณ์ ก็จะรับมือ และอยู่กับโรคระบาดได้ไม่ยากจนเกินไปนัก