สภาประชาชนจีนร้อน ‘เศรษฐกิจ-ฮ่องกง’ระอุ 

สภาประชาชนจีนร้อน ‘เศรษฐกิจ-ฮ่องกง’ระอุ 

เปิดฉากแล้วสำหรับการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (เอ็นพีซี) ชุดที่ 13 ระหว่างวันที่ 22-28 พ.ค. ที่น่าจับตาคือเศรษฐกิจจีนในยุคโควิด-19 และความเป็นไปในฮ่องกง ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องสะเทือนไปถึงสหรัฐ 

เดิมทีเคยมีการเสนอกฎหมายนี้มาแล้วในปี 2546 โดยคณะผู้บริหารฮ่องกงของ นายต่ง เจี้ยน-หวา แต่ถูกต่อต้านอย่างหนักจนต้องล้มเลิกแผนการไป คราวนี้ปักกิ่งใช้วิธียิงตรงถึงเอ็นพีซีโดยไม่ต้องผ่านสภานิติบัญญัติฮ่องกง 

เมื่อรัฐบาลส่งร่างกฎหมายเข้าสภาไปแล้วยังสำทับด้วยคำเตือนจากเหล่าผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่บอกว่าจะไม่ทนกับความท้าทายของฮ่องกงอีกต่อไป หลังจากปีก่อนเกิดการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยยาวนานถึง 7 เดือน

“นี่คือจุดจบของฮ่องกง นี่คือจุดจบของ 1 ประเทศ 2 ระบบ อย่าทำผิดพลาด” เดนนิส กว็อก ส.ส.จากพรรคพลเมืองกล่าว ขณะที่ โจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยกล่าวว่า จีนส่งสาส์นชัดเจนไปถึงผู้ประท้วงว่าต้องการควบคุมเสรีภาพฮ่องกง

“ปักกิ่งพยายามใช้กำลังและความกลัวปิดปากคนฮ่องกงไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์ คนฮ่องกงไม่กลัวการเผชิญหน้ากับนโยบายกองพันหมาป่า” หว่องทวีตข้อความท้าทาย เรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุมใหญ่ในวันอาทิตย์ (24 พ.ค.) เหมือนอย่างที่เคยทำเมื่อปีก่อน แต่ต้องสงบไปช่วงไม่กี่เดือนหลังเพราะข้อกำหนดในช่วงไวรัสโคโรนาระบาด

“ฮ่องกงต้องตัดสินใจเลือกอนาคตของตนเอง” ชาวเน็ตคนหนึ่งเข้ามาแสดงความเห็นในเทเลแกรม แพลตฟอร์มยอดนิยมของผู้ประท้วง ตอบรับคำชวนไปเดินขบวนในวันอาทิตย์

นับตั้งแต่อังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนให้จีนเมื่อปี 2540 ฮ่องกงมีความเป็นอิสระและเสรีภาพระดับหนึ่งตามข้อตกลง “1 ประเทศ 2 ระบบ” แต่ขบวนการประชาธิปไตยก็ก่อตัวขึ้นจากความกังวลที่ว่าจีนกำลังเดินหน้าบั่นทอนเสรีภาพที่ชาวฮ่องกงเคยมี

นักเคลื่อนไหวกล่าวว่า กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับนี้ถ้านำมาบังคับใช้ จะเป็นการบั่นทอนเสรีภาพฮ่องกงครั้งใหญ่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่ปี 2540

ธันยา ชาน ส.ส.ฝ่ายประชาธิปไตย เผยว่าปักกิ่งไม่เคยให้เกียรติคนฮ่องกงเลย

“คนฮ่องกงหลายคนโกรธเหมือนที่พวกเราโกรธตอนนี้ แต่ขอให้จำไว้ เราจะไม่ยอมแพ้”

ทั้งนี้ ตามมาตรา 23 ของกฎหมายพื้นฐาน (เบสิกลอว์) ที่เหมือนเป็นรัฐธรรมนูญฮ่องกงกลายๆ ระบุว่า ฮ่องกงต้องออกกฎหมายห้าม “ก่อกบฏ แบ่งแยกดินแดน ยุยงปลุกปั่นและโค่นล้มรัฐบาลจีน” แต่มาตรานี้ไม่เคยบังคับใช้ด้วยเกรงว่าจะทำลายสิทธิพลเมืองอันงดงามของฮ่องกง

ด้านสหรัฐมีปฏิกิริยากับจีนตั้งแต่โฆษกเอ็นพีซีแถลงเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (21 ม.ค.) ว่าจะนำเสนอกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติต่อเอ็นพีซี มอร์แกน ออร์ทากัส โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเตือนว่าการออกกฎหมายดังกล่าวเป็นการบั่นทอนเสถียรภาพ จีนจะต้องถูกสหรัฐและประชาคมโลกประณามอย่างรุนแรง

ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตอบโต้อย่างกว้างๆ

“ผมไม่รู้ว่าคืออะไร เพราะยังไม่มีใครรู้ แต่ถ้าเกิดขึ้น เราจะแก้ไขปัญหานี้แบบรุนแรงมาก” ผู้นำสหรัฐกล่าว

ปลายปีก่อนสภาคองเกรสสหรัฐสร้างความไม่พอใจให้กับจีน ด้วยการผ่านกฎหมายเปิดช่องยึดสถานะพิเศษทางการค้าของฮ่องกงได้ ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่าฮ่องกงไม่ได้เป็นอิสระจากจีนอีกต่อไป

ล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศเตือนว่าการกระทำของจีนอาจส่งผลต่อการตัดสินใจเรื่องสถานะพิเศษของฮ่องกง

ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อวันพฤหัสบดี กลุ่ม ส.ว.สหรัฐยังเสนอกฎหมายคว่ำบาตรใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการจำกัดอิสระของฮ่องกงด้วย นั่นอาจรวมถึงตำรวจที่ปราบปรามผู้ประท้วงอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่จีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนโยบาย และธนาคารที่ทำธุรกรรมกับผู้มีส่วนควบคุมเสรีภาพฮ่องกง

แพท ทูมี ส.ว.ผู้เป็นหัวหอกเสนอกฎหมายฉบับนี้เปรียบฮ่องกงเป็น “นกขมิ้นในเหมืองถ่านหินสำหรับเอเชีย” การที่ปักกิ่งเข้ามาแทรกแซงฮ่องกงมากขึ้นอาจส่งผลร้ายไปถึงชาติอื่นๆ ที่พยายามเรียกร้องเสรีภาพภายใต้เงาดำของจีน

คริส แพทเทิร์น ผู้ว่าการฮ่องกงคนสุดท้ายของอังกฤษ กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ส่งผลต่ออิสรภาพโดยรวมของฮ่องกงและจะสร้างความเสียหายให้อย่างมหาศาล