'อีเอ' เพิ่มงบลงทุน 5 พันล้าน ต่อยอดธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า

'อีเอ' เพิ่มงบลงทุน 5 พันล้าน ต่อยอดธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า

"พลังงานบริสุทธิ์" เดินหน้าเพิ่มงบลงทุนอีก 5 พันล้านบาท ต่อยอดธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า มั่นใจสภาพคล่องล้น หวังผลประกอบการปีนี้โตต่อเนื่อง

นางสาวออมสิน ศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเพิ่มวงเงินลงทุนในปีนี้เป็น 12,388 ล้านบาท จากเดิมที่คาดจะใช้เงินลงทุนประมาณ 7,300 ล้านบาท เนื่องจากได้เข้าลงทุนในแลนด์ พรอสเพอริตี้ โฮลดิง (LPH) และเข้าทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาวสำหรับสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ซึ่งคาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 5 พันล้านบาท หรือราว 40% ของงบลงทุนรวม

ขณะที่การลงทุนในส่วนอื่นนั้น ใช้ลงทุนในโรงงานแบตเตอรี่ เฟสแรก กำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ สัดส่วน 26% ลงทุนในเรือไฟฟ้า 11% ลงทุน ในรถยนต์ไฟฟ้า 9% ธุรกิจสีเขียว อาทิ PCM 7% ธุรกิจสถานีชาร์จไฟฟ้า 3% และอื่น ๆ อีก 4%

ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ยอดการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า ในปี 2563 จะเริ่มทยอยส่งมอบได้ในช่วงไตรมาส 4 นี้ เลื่อนจากกำหนดการเดิมราวเดือน พ.ค. 2563 โดยคาดปีนี้จะทยอยส่งมอบได้ประมาณ 150 คัน และจะส่งมอบครบ 5,000 คัน ในปี 2564

ในแง่ของความพร้อมทางด้านเงินทุนของบริษัท ด้วยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ 1.8 เท่า ทำให้บริษัทยังมีความสามารถในการกู้ได้อีกมาก โดยจากเงื่อนไขของธนาคาร บริษัทยังมีความสามารถในการกู้ได้ถึง 3 - 3.5 เท่า ขณะที่อัตราส่วนสภาพคล่องปัจจุบันอยู่ที่ราว 2 เท่า และมีเงินสดอยู่ราว 1 หมื่นล้านบาท

 สำหรับสัดส่วนรายได้ในปี 2563 คาดว่ารายได้หลักมาจากธุรกิจพลังงานทดแทนประมาณ 65% เทียบกับปีก่อนที่ 74% โดยธุรกิจไบโอดีเซลจะเพิ่มเป็น 29% จากเดิมอยู่ที่ 25% เพราะมียอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการที่ภาครัฐหันมาสนับสนุนการใช้ไบโอดีเซลมากขึ้น ส่วนธุรกิจ PCM จะมีสัดส่วนเข้ามาราว 4% และที่เหลืออีก 2% จะเป็นส่วนของยานยนต์ไฟฟ้า

“ในปีนี้คาดว่าไบโอดีเซลปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้นราว 9% จากปีก่อนที่ขายได้ 193 ล้านลิตร ขณะที่ธุรกิจพลังงานทดแทนก็น่าจะผลิตได้สูงขึ้นราว 11% จากการเดินเครื่องเต็มทั้งปีของพลังงานลม ส่วนรถยนต์ไฟฟ้า และเรือไฟฟ้า ที่ตั้งเป้าไว้ 5,000 คัน และ 42 ลำ จะทยอยส่งมอบและเปิดใช้งานจนครบทั้งหมดภายในปี 2564”

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 1 ที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 1,452.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 241.34 ล้านบาท หรือ 19.93% ขณะที่รายได้รวม อยู่ที่ 4,761.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,672.96 ล้านบาท หรือ 54.17% จากธุรกิจโรงไฟฟ้าและธุรกิจไบโอดีเซลที่เติบโตขึ้นทั้งสองส่วน