'คณะก้าวหน้า' ปลุกนักศึกษาปฏิรูปประเทศ 'ธนาธร' ชู 3 ข้อปลดล็อก-หนุนพลังคนรุ่นใหม่

'คณะก้าวหน้า' ปลุกนักศึกษาปฏิรูปประเทศ 'ธนาธร' ชู 3 ข้อปลดล็อก-หนุนพลังคนรุ่นใหม่

10 ปีสลายม็อบ "คณะก้าวหน้า" เสนอ 3 ข้อปลดล็อกประเทศ ปฏิรูปกองทัพ-ยุติธรรม-เปิดแผลประวัติศาสตร์ "ธนาธร" ชี้พลังนักศึกษาเข้มแข็ง หนุนลุกขึ้นสู้ นักวิชาการซัดวัฒนธรรมลอยนวล ป.ป.ช. ไม่สั่งฟ้อง

วานนี้ (19 พ.ค.) เป็นวันครบรอบ 10 ปี การสลายการชุมนุมของ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยกลุ่ม นปช.จัดการชุมนุมระหว่างวันที่ 12 มี.ค.-19 พ.ค.2553 มีผู้ร่วมชุมนุมเสียชีวิต 91 ศพ โดยก่อนหน้านี้กลุ่มคณะก้าวหน้า ได้ยิงเลเซอร์ในสถานที่เชิงสัญลักษณ์ ตามแคมเปญ #ตามหาความจริง ทำให้วาระครบรอบ 10 ปี การชุมนุมกลุ่ม นปช. ได้รับการจับตามากเป็นพิเศษ

โดยคณะก้าวหน้าได้จัดเวทีเสวนาผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์ หัวข้อ “เลิกวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล จาก The Look of Silence ถึงความเงียบแห่งเดือนพฤษภาคม” โดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า กล่าวว่า ปี 2553 ตนเคยไปร่วมสนับสนุนเรียกร้องให้มีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ เพราะเชื่อว่าการให้ประชาชนกำหนดทิศทางด้วยตัวเอง เป็นหนทางที่ดีที่สุด การเกิดการยิงกันกลางเมืองในเวลานั้น มีการบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่สังคมไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนทำ

“เป็นความล้มเหลวของรัฐ ไม่มีความจริงใจจากผู้มีอำนาจที่จะค้นหาความจริงเหล่านี้ ถ้าประชาชนไม่มีอำนาจย่อมไม่มีทางจะคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ปี 2553 ได้” นายธนาธร กล่าว

ชี้ปท.ก้าวหน้าได้ต้องปฏิรูป 3 ด้าน

ทั้งนี้การจะทำให้ประเทศเดินหน้าได้จะต้องเกิดการปฏิรูป 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม อย่าให้เกิดการใช้เทคนิคทางกฎหมายเพื่อให้คนปราบปรามประชาชนพ้นผิด 2.การปฏิรูปกองทัพ ซึ่งปี 2535 เราทำไม่สำเร็จแต่รอบนี้เราต้องยืนยันรวมกันว่าจะต้องปฏิรูปกองทัพให้ได้ ให้รัฐบาลพลเรือนมีอำนาจเหนือกองทัพให้ได้ ต้องทำให้กองทัพโปร่งใสตรวจสอบได้

158993468999

และ 3.การเปิดประวัติศาสตร์บาดแผล ทำให้เป็นวาระสาธารณะเอาข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์มาคุยกันอย่างมีเหตุผล เราจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้นั้นจะต้องเรียนรู้จากประวัติศาสตร์และสร้างพลังสังคมร่วมกัน เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก

“ผมเห็นพลังของนักศึกษาในรอบนี้ที่แตกต่างจากอดีตที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมีการจัดการผ่านระบบออนไลน์ และไม่มีผู้นำที่ขึ้นมาโดดๆ เหมือนในอดีต แต่เป็นการเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ อีกทั้งเป็นการกระจายตัวไปในหลายพื้นที่ ผมเห็นว่า ความเดือดร้อนของประชาชนสะสมใกล้ถึงจุดเดือดเต็มที และรอจังหวะที่มันจะระเบิดออกมา เราไม่ต้องการเห็นประเทศไปสู่ทางตัน และการสูญเสียจากการชุมนุมอีก”

นายธนาธร กล่าวต่อว่า เราปล่อยประเทศไทยที่ไม่มีความยุติธรรม และเต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำต่อไปอีกไม่ได้ ขณะนี้เราอยู่ในยุคสมัยที่เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ โดยเรามีเทคโนโลยีที่อดีตไม่มี นี่เป็นโอกาสแห่งยุคสมัยเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงได้ภายใต้การต่อสู้อย่างสันติวิธี

ต้องปลดล็อกการเมืองด้วยปชต.

ขณะที่ นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า หลังปี 2553 กระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซงโดยตรงและอ้อม องค์กรอิสระไม่มีสถานะเป็นองค์กรอิสระมานานแล้ว โดยเฉพาะหลังปี 2557 มีปัจจัยพิเศษเข้ามาแทรกแซง จึงไม่สามารถบอกได้ว่ามีกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย

“ประเทศไทยต้องมีการปลดล็อกครั้งใหญ่ที่ทำให้หลุดวังวนความขัดแย้งเพื่อสร้างประชาธิปไตย ความยุติธรรมอยู่ใต้อำนาจทางการเมืองมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้น ต้องปลดล็อกทางการเมืองด้วยการมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบโดยเฉพาะการจะต้องมีนายกฯที่มาจากการเลือกตั้งอย่างแท้จริง” นายศิโรตม์ กล่าว

ฝากคนรุ่นต่อไปขุดคุ้ยความจริง

รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ยังมีการแบ่งฝ่ายจนเกิดการปฏิเสธในการยอมรับชุดความจริง ทำไมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่สั่งฟ้องคดีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปยังศาล เพื่อให้เอาความจริงมาเปิดเผยในชั้นศาล

\'คณะก้าวหน้า\' ปลุกนักศึกษาปฏิรูปประเทศ \'ธนาธร\' ชู 3 ข้อปลดล็อก-หนุนพลังคนรุ่นใหม่

วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดเป็นเรื่องที่มีมานานแล้วโดยการอ้างว่าควรให้อภัยกันนั้นเป็นการปล่อยให้การกระทำผิดผ่านพ้นไปเท่านั้น ซึ่งเป็นการทำให้สังคมเย็นชากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่เอาคนผิดลงมาลงโทษเพื่อให้เกิดบทเรียน และป้องกันไม่ให้เกิดการล้อมปราบอีก

“การทำให้วัฒนธรรมนี้ยุติได้จะต้องเอาพวกเขามาลงโทษให้ได้ แต่จะทำได้ก็ต่อเมื่อเรามีประชาธิปไตย ถ้าเราเอาทหารออกจากการเมืองได้เราจะต้องทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน ซึ่งต้องฝากไว้เป็นภารกิจให้กับคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีสีมาดำเนินการต่อ และต้องไม่หยุดขุดคุ้ยเรื่องนี้” รศ.ดร.พวงทอง กล่าว

นปช.ชี้หน้าที่เปิดเผยความจริง

ขณะเดียวกัน แกนนำกลุ่มนปช. ได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต และจัดงานรำลึก “10 ปี 10 เมษา - 19 พฤษภา 2553” ผ่านทางระบบออนไลน์ทางเพจ “ยูดีดีนิวส์ - UDD news” รวมทั้งจัดเวทีอภิปราย โดยมีแกนนำและอดีตแกนนำ เข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย นางธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ปรึกษา นปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตเลขาธิการนปช. นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานนปช. นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำนปช. นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ แกนนำ นปช.

\'คณะก้าวหน้า\' ปลุกนักศึกษาปฏิรูปประเทศ \'ธนาธร\' ชู 3 ข้อปลดล็อก-หนุนพลังคนรุ่นใหม่

นางธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ปรึกษา นปช. กล่าวตอนหนึ่งในการอภิปรายว่า “ชุดความจริงมีเพียงชุดเดียว แต่ชุดความเชื่อมีหลายชุด โดยไม่พยายามค้นคว้าหาความจริง ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงชุดความเชื่อ เพราะถ้าเปลี่ยนแล้วผู้ถูกกระทำจะเป็นฝ่ายถูกเขาก็จะเป็นฝ่ายผิด เราจึงมีหน้าที่ต้องเปิดเผยความจริง”

ชี้คดีความยังไม่ยุติธรรม

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่อาจไปนับตนเองว่าเป็นคนกลุ่มเดียวกัน กับพลังงอกงามมากมายที่ปรากฏขึ้นในปัจจุบัน เกรงว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะเอาสีไปป้ายพวกเขา อีกฝ่ายจะบอกมีกลุ่มแกนนำเสื้อแดงอยู่เบื้องหลัง อีกอย่างคือต้องระมัดระวัง และเจียมใจ ไม่ให้ซากคราบความพ่ายแพ้ที่คนบางกลุ่ม บางส่วน อาจมองว่าครอบทับร่างกาย และการต่อสู้ของพวกเราอยู่ไปแปดเปื้อนพลังที่เกิดขึ้นใหม่ เราจะไม่ได้หมายถึงคนเสื้อแดงหรือ นปช. เท่านั้น แต่หมายถึงคนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ขอให้เดินด้วยความรักความปรารถนาต่อประเทศนี้ ไปสู่อนาคตที่ดีกว่า

\'คณะก้าวหน้า\' ปลุกนักศึกษาปฏิรูปประเทศ \'ธนาธร\' ชู 3 ข้อปลดล็อก-หนุนพลังคนรุ่นใหม่

“อยากเรียนทุกท่านว่าคดีความของคนเจ็บคนตายทั้งหมด แม้จะยังไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายได้ แต่กระบวนการยุติธรรมทางสังคม ทางการเมือง ตนก็คิดว่ามันก็เคลื่อนไหวมาในระดับที่น่าพอใจ เมื่อ 10 ปีที่แล้วตนเป็นแกนนำที่อายุน้อยที่สุด คือ 35 ปี วันนี้แกนนำที่ออกมาต่อสู้อายุตั้งแต่ 17 หรือ 18 ปี พวกเขาเป็นลูกตนได้ด้วยซ้ำ เป็นดอกผล พลังที่เกิดขึ้นใหม่ ที่ไม่ได้เห็นมาเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้วในสังคมไทย แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว”