ชวนคิดนโยบาย‘นอกกรอบ’  Work from Anywhere

แทบไม่มีใครคิดว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนส่งผลมากเพียงนี้ ทั้งผลกระทบทางสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม รวมถึงการใช้ชีวิต จนเห็นสื่อพากันพาดหัวข่าวทุกวัน เช่น  ตื่นเช้ามาตกงานเฉย! ... โรงแรมเลิกจ้างกระทันหัน

 Work from Home คืออะไร ช่วยให้รอดจาก  “โควิด-19” ได้อย่างไร  หลายคนเริ่มคุ้นชินกับการทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home (WFH) และจะกลายเป็นวิถีการทำงานใหม่หลังโควิด จากการสำรวจผู้บริหารระดับ CFO ทั่วโลก ราว 70% เห็นว่า บริษัทตัวเองมีบางตำแหน่งงานที่ WFH ได้ตลอดไป  จึงน่าคิดว่า เมื่อทำงานที่บ้านได้ แล้วไฉนเลยจะ Work from Anywhere ไม่ได้ ขอแค่มีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต และนโยบาย Work from Anywhere นี้แหละ จะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้ประเทศหลังโควิด

ทำไมWork from Anywhere จะเกิดขึ้น

ข้อแรก ปีก่อนมีกลุ่มชาวต่างชาติสูงถึง 25 ล้านคน  ที่ทำงานแบบไร้ออฟฟิศ หรือ Digital Nomads   และเมื่อไม่นานนี้ Twitter ก็ให้พนักงานที่สมัครใจสามารถ WFH ได้ตลอดไป ดังนั้น โลกหลังโควิด Work from Anywhere จะไม่จำกัดแค่อาชีพอิสระ แต่ขยายไปถึงกลุ่มพนักงานประจำได้ด้วย ทำให้คนที่ทำงานที่ไหนก็ได้อาจเพิ่มมากถึงร้อย ๆ ล้านคน

ข้อสอง พฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่ชอบอิสระ เป็นอีกปัจจัยผลักดันการ Work from Anywhere จะดีแค่ไหน ถ้าได้นั่งพิมพ์งานชิล ๆ ริมหาด หรือประชุมท่ามกลางไอหมอกบนภูเขา พนักงานเกือบ 50% มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น เมื่ออยู่นอกออฟฟิศ 

ข้อสาม สำหรับไทย โควิดเป็นตัวเร่งให้เกิด Work from Anywhere เพราะกว่าที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นเป็นปกติอาจใช้เวลาเป็นปี ๆ Work from Anywhere ของกลุ่มคนไทยจะช่วยให้ธุรกิจมีรายได้เข้ามาเร็วขึ้น แถมยังมีการลงทุนใหม่ อาทิ Co-working space ธุรกิจรถบ้าน เกิดการจ้างงานและการใช้จ่ายหมุนเวียนในชุมชน  และบางจังหวัด เช่น เชียงใหม่ ก็มีความพร้อมสำหรับWork from Anywhereอยู่แล้ว

 

 

"รัฐ-เอกชน"ร่วมใจเกิดขึ้นได้จริง

หากภาครัฐจับมือเอกชน ทั้งธุรกิจท่องเที่ยวและหน่วยงานที่พร้อมให้ Work from Anywhere จัดทำโครงการนำร่อง โดย  1.ทำหนังโฆษณาโปรโมทภายใต้แนวคิดทำงานแบบ “ไทยเท่” อยู่ที่ไหนในไทย ทั้งทะเล ภูเขา น้ำตก ก็ทำงานฟิน ๆ ได้

2. ผู้ประกอบการเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกให้พร้อมสำหรับการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งต้องใช้ทำงานบนโลกออนไลน์ พื้นที่ Co-working space และห้องประชุมกลุ่มย่อย 

3.รัฐมีแรงจูงใจสนับสนุนการลงทุน อาทิ ลดหย่อนภาษีสำหรับหน่วยงานที่ให้ Work from Anywhere เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือมาตรการทางภาษีสำหรับผู้ประกอบการที่มีค่าใช้จ่ายปรับปรุงสถานที่ และภาครัฐต้องเร่งการลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพอินเทอร์เน็ต WiFi สาธารณะและกระจายให้ทั่วถึง ซึ่งจะทำให้ไทยเป็นจุดหมายที่น่าสนใจมากขึ้น

4.ผู้ประกอบการขายแพ็กเกจห้องพักโดยทำสัญญาเช่าระยะยาว พร้อมบริการของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ฟิตเนส สปา ให้กับคนกลุ่มนี้หรือขายให้บริษัทที่สนใจมีออฟฟิศชั่วคราวให้พนักงานมาพักผ่อนและทำงานได้ 

5.คำนึงถึงการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง โดยออกแบบให้มีการไปเที่ยวและใช้จ่ายนอกเวลางานหรือวันหยุด ทั้งในจังหวัดเดียวกันและจังหวัดใกล้เคียง อาทิ มีไกด์คนท้องถิ่น โดยอาจทำเป็น Travel Feature บน Platform คือ ให้บริการทั้งเช่ารถและไปเที่ยวกับเราด้วย มี Voucher เงินสดหรือส่วนลดให้ หากไปเที่ยวหรือใช้จ่ายที่ร้านค้า/ร้านอาหารท้องถิ่น และอาจเชื่อมกับ Application อย่าง Local Alike หรือ Local Aroi ที่นำเสนอการท่องเที่ยววิถีชุมชนอยู่แล้ว

Work from Anywhere เป็นเพียงตัวอย่างการคิดนโยบายนอกกรอบว่า ต้องทำ “อะไร” และ “อย่างไร” ที่จะช่วยบรรเทาความลำบากของธุรกิจ พนักงาน และคนในชุมชนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว นโยบายนี้สามารถทำได้เลยหากโควิดในไทยและต่างประเทศคลี่คลาย บางพื้นที่มีความพร้อมรองรับการทำงานแบบนี้อยู่แล้ว 

ช่วงต้นรัฐอาจต้องสนับสนุนผ่านแรงจูงใจ ซึ่งจะสามารถกระจายตลาดนักท่องเที่ยวได้ในระยะยาว จนท้ายสุดรัฐจะสามารถถอนแรงจูงใจที่สนับสนุนออกได้ จึงกล่าวได้ว่า นโยบาย Work from Anywhere ทำได้เร็ว ทำได้ไว และสร้างความยั่งยืน

ปลายปีก่อน หากมีคนบอกว่าทำงานที่ไหนก็ได้นะ ทุกคนคงยิ้ม หัวเราะ ว่าเป็นไปไม่ได้  หากเป็นวันนี้ ปฏิกิริยาเหล่านั้นจะเปลี่ยนไปหรือไม่?

มาร่วมกันคิดนโยบายนอกกรอบ เราคนไทยจะผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน