ยิ้มรับวัคซีนต้าน Covid-19

ยิ้มรับวัคซีนต้าน Covid-19

คาด SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,300 – 1,310 จุด ตาม Sentiment เชิงบวกตลาดหุ้นรอบบ้านที่ดีดตัวขึ้นตอบรับความคืบหน้าการผลิตวัคซีนต้านไวรัส Covid-19

ตลาดหุ้นวานนี้

SET วานนี้ปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,286 จุด (+5.77 จุด) หรือ +0.45% ด้วย Volume ซื้อขาย 5.6 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางตลาดหุ้นรอบบ้านหลัง FED ให้มุมมองเศรษฐกิจที่ไม่เป็นลบ รวมถึงได้แรงซื้อกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นจากคาดการณ์ Demand จะฟื้นตัวขึ้นหลังหลายประเทศผ่อนคลาย Lockdown ประกอบกับมีแรงซื้อกลุ่มค้าปลีกหลังศบค.ผ่อนปรน Lockdown เฟส2  ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,075 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,652 ล้านบาท อีกทั้ง Net Short TFEX SET50 2,258 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นบวกคาด SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,300 – 1,310 จุด ตาม Sentiment เชิงบวกตลาดหุ้นรอบบ้านที่ดีดตัวขึ้นตอบรับความคืบหน้าการผลิตวัคซีนต้านไวรัส Covid-19 โดยบ. Moderna แถลงผลการทดสอบว่าทำให้ร่างกายของอาสาสมัครผลิตแอนตีบอดีที่สามารถกำจัดเชื้อไวรัส Covid-19 ได้ รวมถึง FED ยืนยันจะอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดอย่างไม่จำกัดเพื่อลดผลกระทบการแพร่ระบาดครั้งนี้ นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องยืนเหนือ 32 US/Barrel จากคาดการณ์ Demand การใช้น้ำมันจะฟื้นตัวขึ้นหลังหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการ Lockdown รวมถึงซาอุฯจะลดกำลังการผลิตลงอีก 1 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นบวกต่อภาวะการลงทุนในช่วงนี้ อย่างไรก็ตามควรระวังแรงขายที่จะสลับเข้ากดดันหลัง Valuation SET ค่อนข้างตึงตัวโดย FW P/E อยู่ที่ราว 17 เท่าซึ่งสูงสุดในกลุ่ม TIP

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP, PTTGC, SPRC) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้น
  • กลุ่มค้าปลีก (CRC, CPN, HMPRO, GLOBAL, COM7, DOHOME) อานิสงส์ผ่อนปรนมาตรการ Lockdown เฟส 2
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น  (CKP, TASCO, EPG)

หุ้นแนะนำวันนี้

  • PTTEP (ปิด 85.5 ซื้อเก็งกำไร/เป้าสูงสุด IAA Consensus 100) ได้ Sentiment บวกโดยตรงจากราคาน้ำมันดิบบวกแรง ขณะเดียวกัน PTTEP เป็นบริษัทเดียวในเครือ ปตท. ที่ราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นไปปิด Gap ที่เกิดจากการทำสงครามราคา (Price war) ระหว่างซาอุฯ รัสเซียและ สหรัฐ เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2020 ที่ผ่านมา
  • TOP (ปิด 44 ซื้อ/เป้า 48) คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ราคาน้ำมันดิบที่ยืนเหนือระดับ 25$/bbl จะทำให้ TOP พลิกมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบใน 2Q20 เทียบจากที่ขาดทุนใน 1Q20 ขณะเดียวกันการคลาย lockdown ของทั่วโลกคาดว่าจะหนุนให้ความต้องการน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นช่วยให้ค่าการกลั่นพลิกกลับมาเป็นบวกในระยะถัดไป

บทวิเคราะห์วันนี้

ERW (ปิด 2.52 ปรับลดเป็นถือ/เป้า 2.6), MAJOR (ปิด 13.8 ปรับลดเป็นถือ/เป้าใหม่ 14.5 เดิม 20.6), Property sector (Top pick: LH)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ดัชนีดาวโจนส์พุ่งแรงกว่า 900 จุด รับข่าวผลทดลองวัคซีนต้านไวรัส Covid-19 ในคนออกมาเป็นบวก : เมื่อคืนที่ผ่านมาดดัชนีดาวโจนส์พุ่งแรงกว่า 900 จุด เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรปปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 4% โดย DAX เยอรมันปรับขึ้นมากสุด 5.7% รับข่าวผลการทดลองวัคซีนต้านไวรัส Covid-19 มีพัฒนาการทางบวก โดยบริษัท Moderna Inc ซึ่งเป็นบริษัทในธุรกิจไบโอเทคของสหรัฐ เปิดเผยว่าการทดลองวัคซีน (mRNA-1273)ต้านไวรัส Covid-19  ในคน ในระยะแรกให้ผลออกมาเป็นบวก โดยร่างกายของอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนสามารถสร้างแอนตี้บอดี้ที่สามารถกำจัดเชื้อไวรัส Covid-19 ในร่างกายได้ โดย Moderna วางแผนที่จะทำการทดลองในระยะที่ 2 ทันทีในเดือน ก.ค.และเชื่อว่าจะสามารถผลิตและจำหน่ายได้ในช่วงเดือน ม.ค.ปีหน้า นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นายเจอโรม พาวเวลประธานเฟดออกมายืนยันว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง และเฟดยังมีเครื่องมือเพียงพอ และจะอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบอย่างไม่จำกัดเพื่อลดผลกระทบจากไวรัส Covid-19
  • (+) ราคาน้ำมันดิบบวกแรงอีก 2 ดอลลาร์ หนุนราคาน้ำมันดิบทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือน ยังคาดหวังดีมานด์ฟื้นจากการคลาย lockdown : ราคาน้ำมันดิบยังอยู่ในโมเมนตัมเชิงบวกโดยวานนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้นอีก 2.39 ดอลลาร์ (+8.1%) ปิดที่ระดับ 31.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือน นักลงทุนยังคาดหวังเชิงบวกว่าดีมานด์น้ำมันดิบในตลาดโลกจะค่อยๆฟื้นตัวหลังจากที่หลายประเทศทยอยคลาย lockdown และยังได้ Sentiment บวกจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัส Covid-19 และมีข่าวจีนนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับปกติแล้ว ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
  • (-) สภาพัฒน์ประกาศ GDP 1Q20  พลิกเป็นหดตัว 1.8% เทียบกับขยายตัว 1.5% ใน 4Q19 ส่วนทั้งปีคาดหดตัว -5% ถึง -6% : สภาพัฒน์ประกาศ GDP 1Q20 ติดลบครั้งแรกในรอบ 6 ปี โดยหดตัว 1.8% เทียบกับขยายตัว 1.5% ใน 4Q19 ส่วนทั้งปีสภาพัฒน์คาดว่าจะหดตัว -5% ถึง -6% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัวในกรอบ 1.5% ถึง 2.5% เป็นผลจากการลดคาดการณ์การส่งออกเป็น -8% จากเดิมขยายตัว 1.4% และลดคาดการณ์การลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนเป็น -4.2จาก 3.2% และ -1.7% จาก 3.5% ตามลำดับ โดยสภาพัฒน์คาดว่า GDP ปีนี้ของไทยจะลดลงมากสุดใน 2Q20 สอดคล้องคาดการณ์ของแบงก์กรุงศรีฯที่คาดว่า GDP 2Q20 จะหดตัวประมาณ 8.3%