ผ่อนปรนระยะที่ 2 ทุกคนต้อง 'นิวนอร์มอล'

ผ่อนปรนระยะที่ 2 ทุกคนต้อง 'นิวนอร์มอล'

แม้สถานการณ์การระบาดของไทยดีขึ้น ซึ่งนำไปสู่การพิจารณามาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 ที่มีการเตรียมร่างกิจการและกิจกรรมที่จะมีการผ่อนคลายมากขึ้น สิ่งสำคัญคือ ทุกคนควรปรับตัวในวิถีชีวิตแบบใหม่ ร่วมเฝ้าระวังและป้องกันการระบาด เพื่อไม่ให้มีการระบาดกลับมารอบ 2

หลังจากประเทศไทยอยู่ในบรรยากาศเคอร์ฟิวมาตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.2563 รวมเวลาถึงปัจจุบันกว่า 1 เดือนเศษ ที่ประชาชนคนไทยอยู่ในเงื่อนไขการออกจากบ้านตามเวลาที่ภาครัฐกำหนด ซึ่งในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดได้ค่อนข้างดี และทำให้วันที่ 13 พ.ค.2563 ไม่มีการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ถือเป็นครั้งแรกที่ไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และแม้วันต่อมาจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มแต่เพิ่มขึ้นเพียง 1 คน จึงทำให้มีการพูดถึงการคลายช่วงเวลาเคอร์ฟิวให้สั้นลง

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนำมาสู่การพิจารณามาตรการผ่อนปรนในระยะที่ 2 ซึ่งมีการเตรียมร่างกิจการและกิจกรรมที่จะมีการผ่อนคลายมากขึ้น เช่น ทีมถ่ายทำภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ จากเดิมที่ระบุไว้ไม่เกิน 5 คน อาจจะเพิ่มเป็น 10 คน เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงาน หลังจากที่ผ่านมามีการผ่อนคลายให้ 6 ธุรกิจ สามารถเปิดดำเนินการได้ภายในเงื่อนไขที่กำหนดไว้ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.2563 และเมื่อเปิดดำเนินการแล้ว จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 (ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้กำหนดว่าจะมีการปรับเคอร์ฟิวและมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 อย่างไร ซึ่งการประเมินของหน่วยงานด้านความมั่นคง ห้างสรรพสินค้าเองมีความพร้อมเปิดบริการ แต่ไม่ควรเปิดทั้งหมด และจำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันการระบาดอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้การระบาดกลับมาอีก จึงเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่ต้องให้ความร่วมมือ

ถึงแม้สถานการณ์การระบาดของประเทศไทยจะดีขึ้น รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มีน้อย แต่ทุกคนควรปรับตัวในวิถีชีวิตแบบใหม่ของประชาชน ซึ่งในขั้นต่อไปประชาชนควรร่วมเฝ้าระวังและป้องกันการระบาด โดยที่ผ่านมามีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ทำงาน เช่น การพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลต่างๆ รวมถึงการให้สถานประกอบการลงทะเบียนเพื่อเป็นข้อมูลให้ประชาชนพิจารณาในการเข้าใช้บริการ

เมื่อการระบาดคลี่คลายลงมาก ก็จำเป็นที่ภาครัฐควรมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุม เพื่อให้กิจกรรมต่างๆ ดำเนินการได้บนเงื่อนไขการควบคุมการระบาดที่ต้องเข้มงวดอยู่ ซึ่งจะทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ แต่เงื่อนไขสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องตระหนัก คือ การป้องกันไม่ให้มีการระบาดกลับมารอบ 2 เหมือนในบางประเทศ เพราะการพัฒนาวัคซีนยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าที่จะนำออกมาใช้ป้องกันโรคโควิด-19 ได้