'ญี่ปุ่น' ลุยทดสอบยาสกัด ‘แอนติบอดีผู้ป่วยโควิด’ รู้ผล ก.ค.นี้

'ญี่ปุ่น' ลุยทดสอบยาสกัด ‘แอนติบอดีผู้ป่วยโควิด’ รู้ผล ก.ค.นี้

“ญี่ปุ่น” ลุยทดสอบยาสกัดแอนติบอดีของผู้ป่วยโควิด-19 รู้ผลเดือน ก.ค. และลุ้นใช้รักษาจริงภายในปีนี้

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า  นางจูลี คิม  ประธานแผนกบำบัดด้วยกระบวนการแยกสกัดพลาสมาของบริษัท ทาเคดะ ฟาร์มาซูติคอล ของญี่ปุ่น แถลงว่าบริษัทสามารถเริ่มการทดสอบยาที่สกัดจากแอนติบอดี หรือโปรตีนที่ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของผู้ป่วยที่หายจากโรคโควิด-19 อย่างเร็วที่สุดในเดือน  ก.ค.นี้

การทดลองดังกล่าว เริ่มกับผู้ป่วยหลายร้อยคน  และคาดว่าต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะสำเร็จ หากการทดสอบเป็นไปตามเป้าหมาย ทาเคดะ ฟาร์มาซูติคอล อาจยื่นขอใบอนุญาตต่อทางการสหรัฐอเมริกาภายในปีนี้เพื่อเร่งนำไปใช้รักษาผู้ติดเชื้อ

นับตั้งแต่ที่มีรายงานยืนยันเหตุแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เป็นครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่นของจีน เมื่อวันสิ้นปี 2562 ทำให้คนทั่วโลกต่างตั้งตารอยาและวัคซีนที่จะมาหยุดยั้งโรคระบาด รวมทั้งช่วยชีวิตคนที่ล้มป่วยด้วยโรคปอดอักเสบมรณะชนิดนี้

ตัวอย่างเช่น สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพโมเดอร์นา เทอราพิวติกส์ (Moderna Therapeutics) เริ่มการทดสอบวัคซีนป้องกันโรคทางเดินหายใจโควิด-19 ในมนุษย์ ที่มีขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกแล้ว โดยได้เริ่มฉีดวัคซีนมีชื่อว่า mRNA-1273 ให้กับอาสาสมัคร 4 คนแรก ที่ศูนย์วิจัยแห่งหนึ่งในนครซีแอตเทิลเมื่อช่วงกลางเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา

วัคซีนนี้ มีบางส่วนของข้อมูลพันธุกรรมที่คัดลอกจากเมสเซนเจอร์อาร์เอ็นเอ (mRNA) ในส่วนหนามของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ทำให้วัคซีนสามารถกระตุ้นให้ร่างกายมนุษย์ผลิตแอนติบอดีมาต่อต้านสารพันธุกรรมของไวรัสได้ โดยไม่ต้องใช้เชื้อไวรัสจริงมาผลิตวัคซีนซึ่งอาจทำให้เกิดอันตราย

ขณะที่ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน และมหาวิทยาลัยนิวยอร์กของสหรัฐ แถลงก่อนหน้านี้ว่าจะดำเนินการทดสอบประสิทธิภาพของยาไฮดร็อกซีคลอโรควิน (Hydroxychloroquine) ในการป้องกันการติดเชื้อโรคโควิด-19 กับกลุ่มตัวอย่าง 2,000 คนในเร็ววันนี้ และคาดว่าจะสามารถทราบผลได้ภายใน 3-4 เดือนข้างหน้า

การทดสอบดังกล่าวจะใช้เวลาราว 8 สัปดาห์ โดยทดลองให้กลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม ซึ่งเป็นผู้ที่มีการติดต่อสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือต้องสงสัยว่าติดเชื้อโรคโควิด-19 ได้รับประทานยาไฮดร็อกซีคลอโรควินหรือยาหลอกอย่างใดอย่างหนึ่งติดต่อกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และจะมีการตรวจหาเชื้อไวรัสในร่างกายด้วยทุกวัน