'เอมิเรตส์' ชี้รออย่างน้อย '18 เดือน' กว่าดีมานด์ฟื้น

เอมิเรตส์ สายการบินใหญ่สุดของตะวันออกกลางจากดูไบ รายงานกำไรสุทธิในปีงบการเงินที่ผ่านมา สิ้นสุดเมื่อเดือน มี.ค.ที่ 288 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 237 ล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า และทำกำไรมาเป็นปีที่ 32 ติดต่อกัน จากเครื่องบินแอร์บัส เอ-380 ซูเปอร์จัมโบ 115 ลำ และโบอิง-777 อีก 155 ลำ

ทั้งนี้ เอมิเรตส์หยุดบินเมื่อวันที่ 22 มี.ค. แล้วกลับมาให้บริการบางส่วนในอีก 2 สัปดาห์ถัดมาชีค อาเหม็ด บิน ซาอีด อัล มัคตูม ซีอีโอเผยว่า เอมิเรตส์ปฏิบัติการแข็งแกร่งมาตลอด 11 เดือนแรก

“แต่ตั้งแต่กลางเดือน ก.พ. ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก เป็นเหตุให้ความต้องการเดินทางระหว่างประเทศดิ่งลงมากแบบปัจจุบันทันด่วน เนื่องจากหลายประเทศปิดพรมแดนและออกระเบียบเดินทางที่เข้มงวด เราคาดว่าจะใช้เวลา 18 เดือนเป็นอย่างน้อย ก่อนที่ความต้องการเดินทางจะกลับมาเหมือนเป็นปกติ” แถลงการณ์จากซีอีโอระบุ

กำไรของเอมิเรตส์เป็นผลจากราคาน้ำมันลด ต้นทุนเชื้อเพลิงจึงลดลง 15% มาอยู่ที่ 7.2 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 31% ของต้นทุนการปฏิบัติการ แต่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าประกอบกับการปิดรันเวย์สนามบินดูไบ ทำให้รายได้ทั้งปีของเอมิเรตส์ลดลง 6% มาอยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยในปีงบการเงินที่ผ่านมา สายการบินขนส่งผู้โดยสารกว่า 56 ล้านคน ลดลง 4% จากปีก่อนหน้า การขนส่งสินค้าลดลง 1 ใน 10 อยู่ที่ 2.4 ล้านตัน

นอกจากนี้เงินดอลลาร์แข็งค่ายังบั่นทอนกำไร 272 ล้านดอลลาร์ และการแข่งขันอันดุเดือดก็ส่งผลต่อรายได้รวมด้วย

ตั้งแต่ก่อนโดนไวรัสโคโรน่าเล่นงาน เอมิเรตส์ลดคำสั่งซื้อเครื่องบินทั้งแอร์บัสและโบอิงไปหลายหมื่นล้านดอลลาร์แล้ว เดือนก่อนรัฐบาลดูไบประกาศว่าจะอัดฉีดเงินให้เอมิเรตส์แก้ปัญหาผลกระทบจากโรคระบาด