พายุลูกเห็บถล่มเชียงราย-พายุฤดูร้อนถล่มอุตรดิตถ์

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 63 นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเสียหายจากพายลูกเห็บที่ตกลงมาเมื่อช่วงเย็น วันที่ 9 พ.ค. 63 ที่ผ่านมา บริเวณถนนพหลโยธินใกล้กับอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย โดยพบว่าเสาไฟฟ้าแรงสูง ริมถนนพหลโยธินสายแม่สาย-เชียงราย ล้มขวางทาง ซึ่งเป็นเส้นทางหลักระหว่าง อ.เมือง ไป อ.แม่สาย ประมาณ 20 ต้น มีรถยนต์ได้รับความเสียหายจำนวน 5 คัน เกิดจากการหักหลบเสาไฟฟ้าที่ล้มลงมา มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยเพียง 1 รายซึ่งติดอยู่ในรถขณะเสาไฟฟ้าลงมา ทำให้ทางถูกปิด และมีรถติดยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร ตั้งแต่บริเวณหมู่บ้านสันทรายปู่ยี่ หมู่ 4 ไปจนถึงหมู่บ้านจ้อง หมู่ 9 ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย และทำให้ไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง

หลังพายุสงบลงทางเจ้าหน้าที่ภู้ภัย เจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.แม่สาย ประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ และเคลียร์เส้นทาง ไปชักลากต้นเสาไฟฟ้าออกจากผิวจราจรและทำการซ่อมแซม โดยได้เเปิดเส้นทางให้รถวิ่งสวนกันในช่องทางเดียว โดยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บพบมีศีรษะแตกจึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลแม่สาย ด้านเจ้าหน้าที่ กฟภ.ได้เร่งซ่อมแซมระบบกระแสไฟฟ้า เพื่อให้ประชาชนมีไฟฟ้าใช้

ในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ตำบลเด่นเหล็ก อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ เขต 2 พรรคเพื่อไทย พร้อมนายศุภชัย บุญทิพย์ นายอำเภอน้ำปาด ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้นำท้องถิ่นท้องที่และจิตอาสา รุดลงพื้นที่หมู่ 2 ,3 และ หมู่ 4 ต.เด่นเหล็ก อ.น้ำปาด หลังรับแจ้งชาวบ้านจำนวน 189 ครอบครัวได้รับความเดือนร้อน บ้านเรือนที่อยู่อาศัยพังเสียหายสิ้นเชิง จากการสำรวจหมู่ 2 จำนวน 4 หลังคา หมู่ 3 จำนวน 141 หลังคา และ หมู่ 4 จำนวน 44 หลังคา โดยพายุฤดูร้อนที่โหมพัดกระหน่ำพร้อมฝนและลูกเห็บ ส่งผลให้บ้านเรือนชาวบ้านส่วนใหญ่หลังคาบ้านที่เป็นสังกะสีจะถูกพายุพัดปลิวหายไป ติดค้างตามต้นไม้ ไกลกว่า 100 เมตร และความรุนแรงของพายุฤดูร้อนในครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดของชาวบ้านตำบลเด่นเหล็ก สร้างความเสียหาย และเสียดายให้กับชาวบ้านมากที่สุด เมื่อบ้านทรงไทยโบราณที่สร้างเป็นหลังแรกของตำบล มาได้ 3 ช่วงอายุคน หรือเกือบ 200 ปี อยู่ที่หมู่ 3 ส่วนของหลังคาพังเสียหายทั้งหลัง คงไว้ซึ่งตัวบ้านที่เป็นไม้สัก

นางวิไลวรรณ สุขงาม ลูกสาวของคุณตาสอนและคุณยายผิว อายุ 87 ปี เจ้าของบ้านทรงไทยโบราณ เล่าว่าบ้านหลังดังกล่าวอนุรักษ์ไว้เพราะเป็นบ้านทรงไทยแบบโบราณสร้างหลังแรกของตำบลเด่นเหล็กมาถึงปัจจุบันก็ 3 ช่วงอายุคนแล้ว การก่อสร้างที่ไม่ใช่ตะปูแต่ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านในการสร้างคือ ลิ้มไม้เจาะและล็อคแทน ส่วนของเสาบ้านในอดีตใช้ช้างในการลาก และใช้ขวานในการถากจากต้นสักเป็นเสาบ้าน พายุครั้งนี้มารุนแรง พัดส่วนของหลังคาบ้านเสียหายทั้งหลัง เป็นที่น่าใจหายและเสียดาย แต่โชคดีที่ทุกคนในบ้านปลอดภัย และกำลังประสานผู้รู้ในการซ่อมแซม

อย่างไรก็ตาม นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ เขต 2 พรรคเพื่อไทย พร้อมเหล่ากาชาดอำเภอน้ำปาด เร่งให้ความช่วยเหลือหลังจังหวัดอุตรดิตถ์ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบวัยพิบัติกรณีฉุกเฉินวาตภัย มอบถุงยังชีพ ทุนทรัพย์และเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนให้สามารถกลับเข้าอาศัยได้ตามปกติ ทั้งนี้จังหวัดอุตรดิตถ์ในช่วงตอนกลางวันจะมีอากาศร้อนจัด หรือ อบอ้าว อุณหภูมิสูงถึง 41 องศา ส่งผลให้เกิดพายุฤดูร้อน และยังแจ้งเตือนประชาชนเฝ้าระวังอย่าต่อเนื่อง