เกษตร มข. แจง กินหมารับน้อง แค่เรื่องเล่า

เกษตร มข. แจง กินหมารับน้อง แค่เรื่องเล่า

คณบดีเกษตรศาสตร์ มข.แจง โซตัสในรั้วมหาวิทยาลัยหายไปนานแล้ว ส่วนเรื่องดราม่ารับน้องกินเมนูหมาเป็นแค่เรื่องเล่า ด้านนักศึกษายืนยันไม่เคยทำเมนูหมาให้น้องกิน

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 63 จากกรณีที่มีเรื่องดราม่า แฮชแทก #แฉเกษตร มข. เรื่องรับน้องบังคับให้กินอาหารจากเนื้อหมา และยังมีโซตัส จนกลายเป็นกระแสรุนแรง ในโลกโซเชียลขณะนี้ รศ.ดร.ดรุณี โชติษฐยางกูร คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ออกมาชี้แจงการรับน้องว่า ในเรื่องของระบบโซตัส ระบบเชียร์อยู่ในมหาวิทยาลัยเป็นเวลานาน โดยเฉพาะคณะเกษตรศาสตร์หรืออีกหลายคณะ มหาวิทยาลัยขอนแก่นให้ความสำคัญกำกับดูแลเพื่อให้ระบบการเชียร์ในปัจจุบัน สร้างสรรค์ กำหนดการเชียร์จำนวนให้ทำกิจกรรมได้ดีขึ้น ทั้งในห้องเชียร์ มีการพัก 20 นาที ให้เป็นไปตามกฎระเบียบเลิกในเวลา 4 ทุ่ม

158891920260

เชื่อว่าระบบโซตัสไม่มีในมหาวิทยาลัยแล้ว สังคมก็เปลี่ยนไป เด็กเกษตรที่เข้ามาปีแรกจะพาเข้าวัดปฏิบัติธรรมก่อน 7 วัน ส่วนกิจกรรมอื่นก็มีเพราะต้องมีรุ่นพี่รุ่นน้อง ในเด็กต้องทำงานเป็นทีมทำให้ต้องมีกิจกรรมอีกหลายอย่าง ระบบโซตัสมีการบังคับหรือป่าว เราพยายามไม่ให้มีขึ้นอยู่แล้ว ที่เป็นประเด็นขึ้นมาแสดงว่า สิ่งที่เราพยายามควบคุมและทำให้สร้างสรรค์ อาจจะมีบางส่วนเราควบคุมได้ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่า มหาวิทยาลัยเราคุมกิจกรรมภายใน นอกเวลาก็มีอาจารย์ดูแลตลอด เมื่อมีข่าวเป็นส่วนหนึ่งคณะให้ความสำคัญเราจะควบคุมอย่างไรไม่ให้การใช้ความรุนแรงกับรุ่นน้องเกิดขึ้น แต่การกำกับดูแลเพียงสิ่งเดียวคงไม่เพียงพอ เราจะมองเรื่องการส่งเสริมด้วย ให้รุ่นพี่รุ่นน้องรู้จักกัน เคารพสิทธิกันและกัน

158891916528

ประเด็นเรื่องของการกินเนื้อหมา จริงเป็นตำนานรุ่นพี่หลอก ให้สามารถเอาตัวรอด ในความเป็นจริงสภาวะสังคมปัจจุบันเป็นไปไม่ได้รับรองได้เลยว่าไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น คณะเองยังมีการสนับสนุนให้ทางมหาวิทยาลัยร่วมกับคณะสัตวแพทย์ ทำที่พักพิงหมาจรจัด ที่มีกว่า 475 ตัว เป็นไม่ได้ที่เด็กเกษตรจะทำเหมือนที่เป็นข่าว

ด้านนางสาวณัฐกานต์ พรรณขาม นักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ ปี 4 เปิดเผยว่า เรื่องกินหมาอาจจะเป็นการอำกันเล่นต่อ ๆ กันมามากกว่า หรือว่าในอดีตอาจจะมี แต่ว่าในปัจจุบันไม่มีแล้วยืนยันได้เพราะเป็นคนที่มีหน้าที่เตรียมอาหารเตรียมวัตถุดิบให้กับน้อง ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อหมู ไก่ ที่ซื้อจากตลาดสด ซึ่งเป็นหน้าที่ของพี่ปี 2 ปี 3 ก็คอยควบคุมอีกที แต่ถ้าที่บอกว่าที่กินนั้นเป็นเนื้อหมา เป็นการหลอกน้องมากกว่า ไม่ใช่เนื้อหมาอย่างแน่นอน ส่วนการรับน้องอาจจะดูเหมือนโซตัสบ้าง เป็นการให้น้องเตรียมตัวพร้อมอยู่ที่ใหม่ ไม่ใช่ชีวิตมัธยม ตนมองว่า ที่รุ่นพี่อาจจะมีน้ำเสียงกดดัน เพื่อให้น้องมีความอดทน พอเจอแรงกดดันแบบนี้จะได้ฝึกไว้หลังจบไปอาจจะต้องเจอความกดดันในการทำงานมากกว่านี้ ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ได้ชอบทั้งหมดในวิธีการรับน้อง แต่สำหรับตนเองนั้นก็เห็นผลของการรับน้องและอยู่ร่วมกันมา จากที่แต่ก่อนเป็นคนทำงานไม่เป็นระบบ พอมาอยู่ตรงนี้มีการฝึกให้ทำงานอย่างเป็นระบบ แต่ยืนยันว่าไม่เคยถูกบังคับให้ทำในสิ่งไม่ชอบหรือทำไม่ได้ทั้งกินหมา กินเหล้า ปฏิเสธก็ไม่ได้ถูกกลั่นแกล้ง