บวกต่อ หุ้นเชื่อมโยงตลาดนํ้ามันยังเด่น

บวกต่อ หุ้นเชื่อมโยงตลาดนํ้ามันยังเด่น

คงต้องรออีกระยะหนึ่งจึงจะมีพัฒนาการที่จับต้องได้เกี่ยวกับยารักษาและวัคซีน Covid-19...

KGI ประเมิน SET Index วันศุกร์ขึ้นต่อ และจะยังคงผันผวนแรงเช่นเดียวกับหลายวันที่ผ่านมา... ขณะที่เมื่อวานนี้  แรงซื้อในหุ้นวัฎจักรเศรษฐกิจโลก (global cyclical stocks) ชัดเจนมากขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่รีบาวด์ และหนุนดัชนีฯ บวก 0.85% (ตามคาด)... ขณะที่ในวันนี้เรามองว่าปัจจัยตลาดหุ้นเป็นกลางถึงบวกเล็กน้อย ตลาดน้ำมันดิบยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง และราคาน้ำมัน WTi บวกแรง 19.3% ตามประเด็นความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน โดยอิหร่านได้แถลงตอบโต้สหรัฐฯ ว่าพร้อมโจมตีเรือสหรัฐฯ เช่นกันหากมีการรุกล้ำน่านน้ำของอิหร่าน ปัจจัยดังกล่าวน่าจะหนุนหุ้นพลังงานและปิโตรเคมีให้
outperform ต่อในวันนี้... อย่างไรก็ดี ความผันผวนของตลาดหุ้นไทยน่าจะสูงต่อไป ทั้งจาก valuationsของ SET Index ที่อยู่ในระดับสูง (19.6 เท่า PE2563-KGI) รวมทั้งความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นต่อประเด็นยารักษา Covid-19 ที่ชื่อ Remdesivir ซึ่งเป็นความหวังล่าสุดและเป็นหนึ่งในปัจจัยหนุนตลาดหุ้นโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดทาง WHO ตีพิมพ์เอกสารว่าการทดสอบยาดังกล่าวโดยแพทย์ที่ประเทศจีน พบว่าไม่ประสบความสำเร็จและมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ มองว่าคงต้องรออีกระยะหนึ่งจึงจะมีพัฒนาการที่จับต้องได้เกี่ยวกับยารักษาและวัคซีน Covid-19... สำหรับในสัปดาห์หน้า (27-30 เม.ย.)ปัจจัยที่น่าจะมีต่อตลาดได้แก่ i) ทิศทางของตลาดน้ำมันโลก ii) การประชุม ครม. วันที่ 28 เม.ย. ซึ่งชัดเจนแล้วว่าจะมีการนำมาตรการแจกเงินเพิ่มเติมให้กับเกษตรกรเข้าสู่การพิจารณา และ iii) ตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน มี.ค. จากทาง ธปท. ในวันที่ 30 เม.ย. นี้

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน 

เก็งกำไร CPF*, JMART, EPCO

- CPF* (เป้าพื้นฐาน 35 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 27 บาท / แนวต้าน 29 - 30 บาท (Trailing stop 26.5 บาท) 2) คาดจะยังรับอานิสงส์จากราคาเนือ้ สัตว์ที่ทรงตัว ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ (ถั่วเหลือง + ข้าวโพดในตลาดต่างประเทศ) ยังอยู่ในระดับที่ต่ำต่อเนื่อง 3) ฝ่ายวิจัยฯคาดผลการดำเนินงาน 1Q63 = 4.65 พันล้านบาท (+8.7% YoY, +16% QoQ) ... ราคาหุ้น Laggard TFG และ GFTP

- JMART (เป้า Consensus 12.3 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 7.3 บาท และ 7.2 บาท / แนวต้าน 7.8 บาท และถัดไป 8.1 บาท (Trailing stop 7.05 บาท) 2) ประเมินรับ Sentiment บวกจากการเปิดตัว iPhone SE ใหม่ราคาถูก คาดกระแสตอบรับดีในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว 3) ประเมินธุรกิจของ บ.ลูก
อย่าง SINGER (รับประโยชน์จากมาตรการภาครัฐฯ) และ JMT* (ผู้บริหารคาดผลการดำเนินงานยังโต YoY) 4) PE ปีนี ้+12 เท่า แม้จะมี Downside การปรับลดประมาณการฯอยู่บ้าง (ในส่วนของธุรกิจขายมือถือ) แต่เชื่อว่า PE ยังต่ำกว่ากลุ่มค้าปลีกโดยเฉลี่ย ... คาดรับอานิสงส์บวกจากความคาดหวังการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์โดยเฉพาะในพื้นที่ห้างสรรพสินค้า

- EPCO (เป้าพื้นฐาน 5.1 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 3.36 บาท และ 3.30 บาท / แนวต้าน 3.48 บาท หากผ่านแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 3.6 - 3.7 บาท (Trailing stop 3.26 บาท) 2) แจ้งตลาดฯ วันที่ 28 เม.ย. นี้เปลี่ยนชื่อเป็น EP และเปลี่ยนจากหมวดสื่อสิ่งพิมพ์ เป็นหมวด
พลังงาน คาดมีโอกาสถูก Re-rate PE ขึน้ จากเดิมธุรกิจสิ่งพิมพ์ที่ PE ต่ำเพราะแนวโน้มอุตสาหกรรมไม่ดี มาเป็นกลุ่มพลังงาน (โรงไฟฟ้า) ที่ PE เฉลี่ยสูงกว่า ... ตอนนี้ EPCO มี PE ปี 2563 = 11.2 เท่า 3) แนวโน้มผลการดำเนินงานจะมี Upside จากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (กล่องกระดาษและกล่องลูกฟูก) ที่ได้อานิสงส์การส่งสินค้าออนไลน์ ... ขึ้น XD ปันผล 0.20 บาท/หุ้น วันที่ 28 เม.ย.

หุ้นมีข่าว

(+PLANB*) เปิดเผยว่าได้ลงนามในสัญญากับสำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานครสำหรับสิทธิในการใช้ป้ายประชาสัมพันธ์ของกรุงเทพมหานคร จำนวน 1,170 ป้ าย รวมทั้งบำรุงรักษาศาลาที่พักผู้โดยสาร 691 หลัง เป็ นระยะเวลา 10 ปี (ที่มา: SET)

Comment: ประเด็นนี้เป็นปัจจัยบวกระยะสั้นต่อราคาหุ้น จากความสามารถในการให้บริการและรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยบริษัทตั้งเป้าจะเริ่มให้บริการโครงการนี้ในช่วงปลายเดือน มิถุนายน 2563 นี้เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้บริษัทมีความสามารถในการให้บริการได้เพิ่มขึน้ อีก 300 ล้านบาท/ปี หรือเพิ่มขึน้ ราว
6% จากปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตาม คาดรายได้จากโครงการนี้จะทำให้ประมาณการกำไรสุทธิในปี 2563 เพิ่มขึ้นได้เพียง 4 – 8 ล้านบาท (ภายใต้สมมติฐานอัตราการใช้สื่อในโครงการที่ 50% และอัตรากำไรสุทธิที่ 5% - 10%) นอกจากนี้ยังมีปัจจัยลบระยะสั้นจากกำไรในงวด 1Q63 ที่คาดจะชะลอตัว และจะลดลงหนักใน 2Q63 ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 อย่างเต็มไตรมาส โดยปัจจุบันประมาณการกำไรสุทธิของเรา และคำแนะนำ สำหรับ PLANB อยู่ระหว่างการปรับปรุง

(+ หุ้นสายการบิน AAV*, BA, NOK, THAI*) เปิดบิน 1 พ.ค.-ให้ขึ้นค่าตั๋วได้ 100% (ข่าวสด) นายจุฬา สุขมานพ ผอ.สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กล่าวภายหลังหารือร่วมกับตัวแทนสายการบินเพื่อซักซ้อมความเข้าใจและแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการควบคุมโรค เพราะมีหลายสายการบินเตรียมเปิดให้บริการวันที่ 1 พ.ค.นี้ ว่าแม้ตอนนี้สถานการณ์จะดีขึ้นแต่ทุกสายการบินต้องปฏิบัติตามมาตรการการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด

(+) BAFS ลุ้นเปิดน่านฟ้าดันธุรกิจ หวังปริมาณเติมนํ้ามันปี นี้ดีขึ้น (ทันหุ้น) BAFS หวังเดือน พ.ค.2563 สายการบินเริ่มกลับมาเปิดให้บริการได้ คาดผลักดันปริมาณการเติมน้ำมัน Q3-Q4 ขึ้นมาที่ 60-70% หลังโรคระบาดโควิด-19 กระทบ ฉุดปริมาณการเติมน่้ำมันลดลงจากปีก่อนราว 40% ด้านรายได้คาดลดลงเหลือ 22% ในกรณีที่แย่ที่สุด

(-) AOT* ลดค่าเช่าคู่ค้า 50% กดรายได้งบจ่อขาดทุน (ทันหุ้น) AOT* เคาะช่วยผู้ประกอบการและสายการบิน ปรับลดค่าเช่าและค่าธรรมเนียม 50% โบรกคาดปริมาณการจราจรทางอากาศ-จำนวนผู้โดยสารลดลง จากผลกระทบโควิด-19 ทำให้ครึ่งปีหลัง (เม.ย.-ก.ย.) ผลประกอบการมีแววขาดทุนเป็นครั้งแรก ในรอบ 10 ปี

(+ กลุ่มทีวี RS*, MONO, BEC) 'โควิด' ดันผู้ชม 'ทีวี-ข่าว' โต สินค้าอุปโภคบริโภคยังเทงบ(กรุงเทพธุรกิจ) นีลเส็น เผยผลศึกษารายงาน "โควิด-19 และสถานการณ์ของสื่อในประเทศไทย" สะท้อนภาพรวมการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น กับอุตสาหกรรมสื่อไทย เม็ดเงิน โฆษณาที่ "หดตัวลง"