ทส.ชี้ขยะพลาสติกจากบริการเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้น 15%

ทส.ชี้ขยะพลาสติกจากบริการเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้น 15%

ขยะอาหารและขยะหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วเพิ่มมากเช่นกัน ร่วมเครือข่ายฯ เปิดตัวโครงการ “ส่งพลาสติกกลับบ้าน”รับมือวิกฤติขยะจากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า สถานการณ์วิกฤต COVID-19 กำลังส่งผลกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณขยะ โดย กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) พบว่า ขยะพบาสติกโดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์พลาสติก เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15% (จากปริมาณปกติ 5,500 ตันต่อวัน เป็น 6,300 ตันต่อวัน) จากการใช้บริการรับส่งอาหารที่มากขึ้นถึง 3 เท่า เนื่องจากคนส่วนใหญ่ทำงานจากที่บ้านและการหยุดโรงเรียน

นอกจากนี้ ข้อมูลจากกรุงเทพมหานคร ยังระบุถึงขยะอาหารและขยะหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วเพิ่มขึ้นถึง 1,500 กิโลกรัมต่อวัน

“ปริมาณขยะเป็นเรื่องของวิกฤติซ้อนวิกฤติและต้องมีการเร่งรับมือ โดยการดำเนินการจัดการอย่างมีส่วนร่วมจาก ภาคประชาชน ภาครัฐ และ ภาคเอกชน มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะแก้ไขปัญหานี้” นายวราวุธกล่าว

นายวราวุธกล่าวว่า อยากขอให้ประชาชนและผู้ประกอบการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกเท่าที่จำเป็น ลดขยะพลาสติก และแยกขยะเพื่อนำกลับมารีไซเคิล

ส่วนขยะอาหารและขยะหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้ว อยากขอความร่วมมือให้แยกขยะก่อนทิ้ง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้กับพนักงานเก็บขยะ และลดภาระบ่อฝังกลบ

ทั้งนี้ หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เข้าสู่สภาวะปกติ ทส. อยากขอความร่วมมือประชาชนอีกครั้ง หลังจากที่ได้เริ่มรณรงค์กันมาตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2563 เพื่อลด ละ เลิก ใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง

“การทำเช่นนี้ จะสามารถช่วยลดการก่อให้เกิดขยะบรรจุภัณฑ์พลาสติก ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง อยากให้พวกเราทุกคนร่วมมือกันคัดแยกขยะ เพื่อนำขยะกลับมารีไซเคิล เพื่อสร้างประโยชน์ใหม่อย่างมีคุณค่าต่อไป” นายวราวุธกล่าว

ทั้งนี้ ทส. ได้ร่วมกับเครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย(TRBN) จัดโครงการ “ส่งพลาสติกกลับบ้าน” ซึ่งเกิดจากแนวคิดว่า ทุกครัวเรือน คือ ต้นทางที่สามารถมีส่วนรวมในการลด และจัดการกับปัญหาปริมาณขยะพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง หรือ single use plastic ที่เพิ่มขึ้นนี้ได้ง่ายๆ และทำได้ทันที


ในระยะแรก จะเป็นการรณรงค์ให้ครัวเรือนร่วมกันแยกขยะติดเชื้อและรีไซเคิลออกจากขยะทั่วไป ขณะที่การดำเนินงานในระยะต่อไป ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ที่จะถึงนี้ โครงการจะดำเนินการโมเดลนำร่องระบบ “การเรียกคืนขยะพลาสติก”บนถนนสุขุมวิท เพื่อลดปริมาณขยะอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยใช้พื้นที่ดิสเคาน์สโตร์ ซูเปอร์มาร์เกต เช่น เทสโก้ โลตัส สาขาอ่อนนุช และกูร์เมต์ มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์ ฯลฯ เป็นจุดรับขยะพลาสติกสะอาดและแห้งจากผู้บริโภค เพื่อเข้าสู่เครือข่ายผู้ให้บริการและขนส่งไปยัง “Waste hub” และเข้าสู่ขั้นตอนการรีไซเคิล (recycle)ไปจนถึงอัพไซเคิล (upcycle)


และหวังว่าโครงการจะสามารถขยายผลโมเดล “การเรียกคืนขยะพลาสติก”ไปสู่ถนนอื่นๆ รวมถึงการมีพันธมิตรมากขึ้นในการดำเนินการในอนาคต นายวราวุธกล่าว