ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอ

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอ

ดัชนีวานนี้ปิดปรับตัวลงกว่า 20.25 จุด อ่อนตัวลงคล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาค คาดเป็นแรงขายทำกำไรหลังจากตลาดปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลายวันก่อนหน้านี้

ประกอบกับราคาน้ำมัน WTI ฟิวเจอรส์ปรับตัวหลุดต่ำกว่า 20 ดอลลาร์/บาร์เรล กดดันกลุ่ม ENERG ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,236.10 จุด (-20.25 จุด) Volume 6.9 หมื่นลบ. ต่างชาติ -3,331.97 ลบ. TFEX Net +9,962 สัญญา ตราสารหนี้ -1,482 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ กลุ่มประเทศ G20 เตรียมอัดฉีดเงินกว่า 7 ล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโลกเพื่อปกป้องผลกระทบของไวรัสโควิด-19

+ครม.เห็นชอบใช้เงินกองทุนประกันสังคมเยียวยาผู้ประกันตนหลังธุรกิจปิดกิจการจากผลกระทบโควิดเป็นเวลา 3 เดือน

+บอร์ด PPP อนุมัติแผนจัดทำโครงการร่วมลงทุนรัฐ-เอกชน ปี'63-70 รวม 92 โครงการ มูลค่าลงทุน 1.09 ล้านล้านบาท เน้น 18 โครงการเร่งด่วน มูลค่า 4.72 แสนล้านบาท

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 445.41 จุด -1.86% เนื่องจากธนาคารยักษ์ใหญ่หลายแห่งรายงานผลกำไรลดลงใน 1Q63 และรายงานข้อมูลศก.สหรัฐย่ำแย่หลายรายการในเดือนมี.ค. จากแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

-แบงก์ ออฟ อเมริกา-ซิตี้กรุ๊ปเผยกำไร 1Q63 ทรุดลงจากกันสำรองหนี้เสีย โกลด์แมน แซคส์เผยกำไร 1Q63 ทรุดเช่นกันแต่รายได้จากซื้อขายตราสารหนี้สูงสุดรอบ 5 ปี

-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 24 เซนต์ -1.2% ปิดที่ 19.87 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง IEA เตือนว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจส่งผลต่ออุปสงค์น้ำมันทั่วโลก และจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่พุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 12

-กองทัพสหรัฐในญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข หลังผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่ง

-ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดลบ 16.11 จุด -0.57%

-ดัชนีนิกเกอิปิดลบ 88.72 จุด -0.45% เปิดร่วง 238.79 จุดวิตกแนวโน้มศก.สหรัฐอ่อนแอ

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 1.40 แสนลบ. ค่าเงินบาท 32.70 บาท/US

*จับตาสหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์  ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมี.ค. และดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามทิศทางตลาดโลก หลังยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐทรุดลงอย่างหนักในเดือนมี.ค. จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวหลุด 20 ดอลลาร์/บาร์เรล คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,210-1,230 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

คาดการณ์ผลประกอบการโรงไฟฟ้า

ความเห็น กลุ่มโรงไฟฟ้าผลประกอบถูกกระทบจาก COVID-19 น้อย เนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นอีกทั้งเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนทำให้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยเราชอบ EA GUNKUL SSP BCPG เนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจาก covid-19

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้น Defensive (RATCH TTW ADVANC CHG)
  • หุ้น High Dividend Yield (KKP TISCO INTUCH)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Lockdown (MAKRO BJC CPALL TU TFMAMA)
  • หุ้นได้ประโยชน์จากการ Work from home (ADVANC INTUCH DTAC TRUE JAS JASIF DIF COM7 SIS SYNEX)
  • 5 หุ้นเด่น IAA (ADVANC CPF CPALL INTUCH RATCH)

หุ้นมีข่าว   

·         KBANK (แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 133.95 บาท) ธปท.อนุมัติให้เข้าถือหุ้นธนาคารแมสเปี้ยนในประเทศอินโดนีเซียเพิ่มเป็น 40% จากเดิม 9.99% โดยจะใช้เงินลงทุนรวมไม่เกิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าท้องถิ่นเชื่อมโยงเครือข่ายการให้บริการแก่นักธุรกิจไทยและต่างชาติด้านการค้าการลงทุน  คาดดำเนินการแล้วเสร็จภายในกลางปีนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติจากสำนักงานกำกับดูแลธุรกิจการเงินของอินโดนีเซีย (Otoritas Jasa Keuangan : OJK) (ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์)

ความเห็น เป็นโอกาสในการรักษาระดับการเติบโตในอนาคต ช่วยขยายฐานลูกค้าในอินโดนีเซียและอำนวยความสะดวกลูกค้าคนไทย  ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวจากการเป็นธนาคารใหญ่ที่จะได้ประโยชน์ในยามเศรษฐกิจฟื้นตัว

·         (+) BANPU (Bloomberg Consensus 9.16) ปรับรายละเอียดสัญญาซื้อแหล่งก๊าซฯบาร์เนตต์คาดเลื่อนแผนจบดีลจาก Q2/63 เป็นสิ้นปี 63 (ทีมา อินโฟเควส์)

ความเห็น การเลื่อนดีลจะส่งผลให้การชำระเงินเลื่อนออกไปด้วยซึ่งจะส่งผลดีต่อสภาพคล่องของบริษัท อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงสู่ 20 $/bbl ส่งผลให้ความต้องการในการใช้ถ่านหินลดลงเป็นปัจจัยกดดันต่อผลประกอบการบริษํท

·         (+) BJCHI (Bloomberg Consensus - บาท)  คว้างานใหม่ 2 โครงการ ในอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี-โรงไฟฟ้า มูลค่ารวมกว่า 750 ล้านบาท ดันแบ็กล็อกพุ่ง 4.7 พันล้านบาท ทำนิวไฮรอบ 5 ปี หนุนผลงานปีนี้โดดเด่น เล็งเข้าประมูลงานใหม่ มูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท (ที่มาข่าวหุ้น)

·         (+) PRM (Bloomberg Consensus 7.46 บาท)  ประเมินกลุ่มธุรกิจเรือ FSU ไปได้สวย บุ๊กรายได้เต็มจากจำนวนเรือที่ให้บริการทั้งหมด 8 ลำ เล็งเพิ่มอีก 1 ลำภายในปีนี้ หลังปริมาณความต้องการใช้เรือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลง และข้อกำหนด IMO 2020 (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         (-) กพท. ยังใช้ยาแรงสกัดโควิด-19 แพร่ระบาด ออกประกาศขยายเวลาห้ามอากาศยานทำการบินสู่ประเทศไทยจากเดิมสิ้นสุดวันที่ 18 เม.ย. 63 เป็นวันที่ 30 เม.ย. 63 (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         (+/-) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ (โอเปอเรเตอร์) จำนวน 6 ราย เกี่ยวกับมาตรการเยียวยาเพิ่มเติมให้แก่ประชาชนในช่วงวิกฤติไวรัสโควิด-19 ว่า ยังไม่ได้ข้อสรุปจากโอเปอเรเตอร์ เนื่องจากผู้เข้าร่วมประชุมต้องนำข้อเสนอของ กสทช.กลับไปหารือกับผู้บริหารของแต่ละบริษัทก่อนว่าสามารถทำได้มากน้อยเพียงใด (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         (+) STARK (Bloomberg Consensus - บาท)  เตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 1.2 หมื่นล้านบาท หลังบริษัทย่อยได้งานของกลุ่มเชฟรอนและ PTTEP มูลค่างาน 4.33 พันล้านบาท และที่ผ่านมาได้เข้าซื้อกิจการทั้งในเวียดนามและในไทย เพื่อสร้างการเติบโต (ที่มา ทันหุ้น)

·         (+) GULF (Bloomberg Consensus 34.67 บาท)  เทรดพาร์บาทวันนี้ นักวิเคราะห์ชี้เพิ่มสภาพคล่อง พื้นฐานไม่เปลี่ยน คาดกำไรปกติปีนี้ที่ 4 พันล้าน จากรับรู้โรงไฟฟ้า SPP ในประเทศ 4 โรง และ Solar Farm ในเวียดนาม 2 โครงการ รวมถึงทยอย COD โรงไฟฟ้าในโอมาน เคาะราคาเหมาะสม 38.50 บาท(ที่มา ทันหุ้น)

·         (+/-) TOA (Bloomberg Consensus 36.39 บาท) ส่งสินค้ากระจายสู่โมเดิร์นเทรดมากขึ้น เตรียมประเมินผลกระทบโควิด-19 ช่วงไตรมาส 2/2563 เตรียมทบทวนเป้าหมายการเติบโตของรายได้ จากเดิมคาดเติบโต 10% จากปีก่อน ด้านโบรกมองผลประกอบการดีกว่าอุตสาหกรรม กระแสเงินสดสูง 6.8 พันล้านบาท สามารถรองรับภาวะวิกฤติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แนะหาจังหวะซื้อราคาต่ำกว่า 30 บาท(ที่มา ทันหุ้น)