ไวรัส 'โคโรน่า' สะเทือน 'เด็ก' มากกว่าที่ผู้ใหญ่คิด

ไวรัส 'โคโรน่า' สะเทือน 'เด็ก' มากกว่าที่ผู้ใหญ่คิด

ผลสำรวจพบไวรัส "โคโรน่า" ทำ "เด็ก" 8 ใน 10 คนเครียดด้านปัญหาการเงินของครอบครัวมากที่สุด ขณะ 7 ใน 10 จมอยู่กับความเครียด

ผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 นอกจากจะสะเทือนสังคมอย่างร้ายกาจ มันยังส่งผลถึง เด็ก อย่างที่ผู้ใหญ่คาดไม่ถึงอีกด้วย

องค์การยูนิเซฟ เผยผลสำรวจล่าสุด เรื่องผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 ต่อเด็กและเยาวชนในประเทศไทย พบว่า เด็ก และเยาวชนกว่า 8 ใน 10 คน มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเงินของครอบครัว ซึ่งเป็นประเด็นที่เด็ก และเยาวชนกังวลมากที่สุด เนื่องจากพ่อแม่ผู้ปกครองไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อันเป็นผลมาจากการปิดตัวของธุรกิจต่าง ๆ ตลอดจนการถูกเลิกจ้าง

การสำรวจนี้จัดทำโดยองค์การยูนิเซฟ ร่วมกับสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ และกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ โดยเป็นการสำรวจครั้งแรกที่มุ่งศึกษาผลกระทบของวิกฤตโควิด-19 ต่อเด็กและเยาวชนในประเทศไทย และทำความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการที่แท้จริงของพวกเขา โดยเก็บข้อมูลผ่านแบบสอบถามออนไลน์ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 6 เมษายน จากเด็กและเยาวชนจำนวน 6,771 คนทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่อายุ 15-19 ปี

ผลสำรวจยังพบว่า เด็ก และเยาวชนกว่า 7 ใน 10 คน กล่าวว่า วิกฤต โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ โดยพวกเขามีความเครียด วิตกกังวลและเบื่อหน่าย นอกจากนี้ เด็กเกินครึ่งรู้สึกกังวลด้านการเรียน การสอบ และโอกาสในการศึกษาต่อ เนื่องจากการปิดโรงเรียนเป็นระยะเวลานาน ในขณะที่ ร้อยละ 7 รู้สึกกังวลเกี่ยวกับปัญหาความรุนแรงในครอบครัว เช่น การทะเลาะกันของผู้ปกครองและการทำร้ายร่างกาย

ผลสำรวจยังสะท้อนปัญหาของ เด็กและเยาวชนกลุ่ม LGBTIQ จากการที่ต้องอยู่แต่ในบ้าน โดยร้อยละ 4 ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึกกังวลเรื่องเพศสภาพที่ถูกกดดันเพิ่มขึ้น เนื่องจากไม่สามารถแสดงอัตลักษณ์หรือตัวตนกับครอบครัวได้ รวมถึงบางส่วนที่อาจไม่สามารถเข้าถึงฮอร์โมนเสริมได้ในช่วงนี้

โธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “ผลสำรวจนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าวิกฤตครั้งนี้ส่งผลกระทบมากมายหลายด้านต่อเด็ก ๆ และเยาวชนหลายกลุ่ม โดยเด็กและเยาวชนต่างมีความเครียด ความกลัวและวิตกกังวลไม่ต่างจากผู้ใหญ่ เวลานี้ครอบครัวถือเป็นพลังสำคัญที่จะช่วยให้เด็ก ๆ จัดการกับสภาวะเหล่านี้ได้ พวกเขาควรได้รับความรักความเอาใจใส่ในช่วงเวลานี้มากกว่าที่เคย”

ดร.วาสนา อิ่มเอม รักษาการหัวหน้าสำนักงาน กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “การสำรวจแสดงให้เห็นว่าร้อยละ 36 ของ เด็ก และเยาวชนกว่า 6,700 คนที่ตอบแบบสอบถามระบุว่า มีผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 ปีอยู่ที่บ้าน นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะให้เยาวชน และวัยรุ่นเป็นผู้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสผ่านกิจกรรมแบบเว้นระยะห่างทางสังคมที่สนับสนุนด้านสุขภาพและจิตใจให้แก่ผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในภาวะที่เสี่ยงที่สุดในช่วงการระบาดของโควิด -19 ผ่านทางการสร้างความรู้และการตระหนักรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพของตนเองและป้องกันการเป็นพาหะในช่วงนี้”

ผลสำรวจยังได้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของ เด็กและเยาวชนในด้านความต้องการเรียนรู้ออนไลน์เพื่อเสริมความรู้และทักษะระหว่างที่โรงเรียนปิดและต้องอยู่แต่ในบ้าน โดยพบว่า สิ่งที่เด็กและเยาวชนอยากเรียนเพิ่มเติมมากที่สุด คือ ภาษาอังกฤษ รองลงมาคือ ความรู้เสริมในวิชาที่กำลังเรียนอยู่ในปัจจุบัน ในขณะที่ เด็ก 1 ใน 4 คนระบุว่าอยากเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการกับความเครียดและโรคซึมเศร้า

ด้าน สุภาพิชญ์ ไชยดิษฐ์ ประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ภาครัฐต้องให้ความสำคัญเร่งด่วนกับปัญหาสุขภาพจิตของเด็กและเยาวชนทั้งในช่วงการแพร่ระบาดและหลังสถานการณ์ ตลอดจนให้ความใส่ใจเด็กและเยาวชนในแต่ละช่วงวัย เพราะเด็กทุกคนควรได้รับการปกป้องคุ้มครองแม้อยู่ที่บ้าน เด็ก ๆ ควรได้รับการส่งเสริมและพัฒนาให้เหมาะสมกับพัฒนาการและช่วงวัย"

เรอโนด์ เมแยร์ ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ เผยว่า “วิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด -19 เป็นมากกว่าวิกฤตทางสุขภาพ แต่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมต่อทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เปราะบางเช่นเด็กและเยาวชน แต่เยาวชนเองก็มีศักยภาพมากมายที่จะเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง พวกเขามีพลัง มุ่งมั่น และมีทักษะด้านเทคโนโลยีที่จะมาช่วยหาแนวทางใหม่ ๆ ด้านดิจิทัล ดังนั้น การสนับสนุนเยาวชนจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก ไม่เพียงแต่ปกป้องพวกเขาจากโควิด-19 เท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพต่อการรับมือกับของวิกฤต และช่วยสร้างสังคมแห่งการมีส่วนร่วม ยั่งยืน และเข้มแข็งต่อไป”

ยูนิเซฟเรียกร้องให้รัฐบาลในประเทศต่าง ๆ เสริมมาตรการคุ้มครองทางสังคมเพื่อช่วยเหลือกลุ่มประชากรที่เปราะบางเพื่อบรรเทาผลกระทบของวิกฤตโควิด-19 ที่มีต่อเด็กและครอบครัว พร้อมส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ออนไลน์ การศึกษาทางไกล ตลอดจนบริการให้คำปรึกษาเยียวยาจิตใจ และบริการทางสุขภาพจิตสำหรับวัยรุ่น

โดยในประเทศไทยนั้น ยูนิเซฟ ร่วมกับมูลนิธิแพธทูเฮลท์ (Path2Health) จัดคลินิกออนไลน์ 24 ชั่วโมง ชื่อ เลิฟแคร์ สเตชั่น www.lovecarestation.com เพื่อให้คำปรึกษาแก่เด็ก และวัยรุ่นในด้านต่าง ๆ โดยเป็นบริการเฉพาะที่เข้าถึงง่าย และเป็นมิตร