อยู่ในช่วงของการเก็งกำไรต่อยอด ที่ควรกำหนดจุดตัดขาดทุนและไม่ไล่ซื้อ

แม้จำนวนผู้เสียชีวิตสหรัฐฯ อาจเข้าสู่ช่วงเร่งตัวในสองสัปดาห์ข้างหน้า แต่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มรายวันที่เริ่มทรงตัวและไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ทั้งในยุโรปและสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนประเมินสถานการณ์ระบาดอยู่ในช่วงแย่สุดก่อนปรับดีขึ้น ขณะที่ตลาดได้รับแรงหนุนจาก 1) แผนการที่สหรัฐฯ จะกลับมาเริ่มเปิดเมือง ใน 4-6 สัปดาห์ข้างหน้า โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการระบาดต่ำ 2) รายงานการประชุมเฟดที่แม้พูดถึงความเสี่ยงและผลกระทบของการชะลอตัวจากการระบาดของไวรัสโคโรนา แต่เฟดยืนยันการใช้นโยบายและเครื่องมือทางการเงินอย่างเต็มที่จนกว่าเศรษฐกิจจะกลับมาแข็งแกร่ง

คู่ชิงประธานาธิปดีสหรัฐฯคือโจ ไบเดน ทั้งนี้ตลาดตอบรับเชิงบวกต่อการถอนตัวของเบอร์นี แซนเดอร์ส เนื่องจากแนวคิดนโยบายของแซนเดอร์สมีความเป็นสังคมนิยมประชาธิปไตย อาทิ การปฎิรูประบบประกันสุขภาพ, การแก้ปัญหาโลกร้อน, การเก็บภาษีคนมั่งมี, การตรวจสอบบริษัทขนาดใหญ่ โดยมีแนวคิดลดความเหลื่อมล้ำ เป็นปัจจัยที่ไม่เป็นมิตรกับทุนนิยม ดังนั้นการถอนตัวของแซนเดอร์ส จึงช่วยลดความเสี่ยงของฝั่งตลาดทุน และนักลงทุนมองเป็นบวก

ราคาน้ำมันดิบและหุ้นกลุ่มพลังงานอาจมีแรงทำกำไรแม้จะมีข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต การประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันวันนี้ คาดมีข้อตกลงร่วมมือกันลดกำลังการผลิต อย่างไรก็ตามสถานการณืปัจจุบันมีอุปทานส่วนเกินราว 25 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งมากพอๆกับกำลังการผลิตของซาอุดิอาระเบียและรัสเซียที่เป็นผู้ผลิตหมายเลข 2 และ 3 รวมกัน ดังนั้นต้องระวังผลของการปรับลดกำลังการผลิตอาจไม่มากพอที่จะทำให้ตลาดพึงพอใจ ขณะที่ผลประกอบการของกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะโรงกลั่นจะมีขาดทุนจากสต็อคในระดับหลายพันล้าน จนถึงหมื่นล้านบาท

ตลาดพยายามหมุนกลุ่มการเก็งกำไร ไปยังกลุ่มที่ยังขึ้นน้อย หรือเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากวิกฤติโควิท อาทิ ห้างสรรพสินค้า สายการบิน โรงแรม จากราคาที่ดูจูงใจเมื่อประเมินจากสินทรัพย์ อย่างไรก็ตามต้องระวังความผันผวนจากการรายงานผลประกอบการที่อ่อนแอ และน่าจะแย่สุดในช่วงไตรมาส 2/63

ภาพรวมกลยุทธ์ ไม่ไล่ราคาหลัง SET Index มาถึงเป้าหมายการฟื้นตัว 1200-1250 แล้ว แม้มีโอกาสจะลุ้นต่อยอดไป 1250-1270 จุด แต่ควรกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง และใช้การกลุด 1185 จุด เป็นจุดตัดสินใจชะลอการเก็งกำไร // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร INTUCH, MFEC*, SYNEX*  / ทยอยสะสม ADVANC, CPALL*, THRE*, EGCO, RATCH

แนวรับ 1,185-1,200 / แนวต้าน : 1,245 จุด สัดส่วน : เงินสด 70% : พอร์ตหุ้น 30%

ประเด็นการลงทุน

FED Minute – รายงานการประชุมเฟด หรือ FED Minuteเดือน มี.ค. ชี้ว่าคณะกรรมการได้แสดงความกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะเวลาอันใกล้และก่อให้เกิดความไม่แน่นอนอย่างมาก ยืนยันคงอัตราดอกเบี้ยในระดับใกล้ 0% จนกว่าจะพ้นวิกฤต 

WTO คาดการค้าโลกหดตัว 13-32% – องค์การการค้าโลก หรือ WTO คาดว่า ปริมาณการค้าโลกปี 2563 จะหดตัวลง 13-32% ขณะที่การแพร่ระบาดของวิกฤตไวรัส Covid-19 จะส่งผลกระทบต่อกิจกรมมทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตทั่วโลก โดยเชื่อว่าผลกระทบจะมีความรุนแรงกว่าวิกฤตทางการเงินปี 2551-2552

สหรัฐฯคาดกลับมาเปิดเมืองได้เร็วกว่ากำหนด – ทำเนียบขาว คาดว่าจะสามารถกลับมาเปิดเมืองได้เร็วกว่ากำหนดภายใน 4-8 สัปดาห์ โดยจะเริ่มเปิดจากเมืองเล็กที่ไม่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 มากก่อน และค่อยเปิดเมืองใหญ่ หากทุกอย่างเนไปตามแผน

กกร.คาดตกงาน 7.1 ล้าน ชงอุ้มค่าจ้าง 50% – กกร.คาดวิกฤตไวรัส Covid-19 ดันยอดคนตกงานพุ่งทะลุ 7.1 ล้านคน และกระทบเศรษฐกิจรุนแรงกว่าช่วงต้มนำกุ้งปี 2540 แนะประกันสังคมช่วยอุ้มค่าจ้าง 50%

ประเด็นติดตาม: 9 เม.ย. – OPEC Emergency meeting, 10 เม.ย. – US CPI เดือน มี.ค., 15 เม.ย. – US Retail Sales เดือน มี.ค.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)