'อินเดีย' ห้ามส่งออก ยารักษามาลาเรีย

'อินเดีย' ห้ามส่งออก ยารักษามาลาเรีย

รัฐบาลอินเดีย สั่งห้ามส่งออกยารักษามาลาเรียที่ผู้นำสหรัฐแนะว่าเป็นทางเลือกต้านการระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ในประเทศยังน่าห่วง

อินเดียสั่งห้ามการส่งออกยา “ไฮดรอกซีคลอโรควิน” ซึ่งเป็นยาต้านมาลาเรีย ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐเรียกขานว่าเป็นตัวพลิกเกมในการต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19

รัฐบาลอินเดีย สั่งห้ามการส่งออกยาดังกล่าวและสูตรยาทั้งหมดอย่างไม่มีข้อยกเว้นและให้มีผลบังคับใช้ในทันที หลังจากหน่วยงานกำกับด้านการค้าระหว่างประเทศประกาศจำกัดการส่งออกยาชนิดนี้ไปเมื่อเดือนที่แล้ว โดยอนุญาตให้มีการส่งออกได้ในกรณีเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและตามคำมั่นข้อตกลงที่ทำไว้ก่อนหน้าที่จะมีประกาศออกมา

ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่าได้หารือกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ชองอินเดีย เพื่อขอร้องให้รัฐบาลอินเดียยอมปล่อยสินค้าที่สหรัฐสั่งไว้ และผู้นำอินเดียขอเวลาพิจารณาคำร้องนี้ก่อน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่จะสนับสนุนว่า ไฮดรอกซีคลอโรควิน สามารถรักษาการติดเชื้อโควิด-19 ได้ แต่อินเดียตัดสินใจสั่งห้ามส่งออกยาชนิดนี้ ในขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศซึ่งมีประชากรกว่า 1,300 ล้านคนนี้ อยู่ที่กว่า 4,600 ราย (นับถึงวันที่ 6 เม.ย.) และมีแนวโน้มว่าจะพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะในชุมชนที่มีความเสี่ยง แม้รัฐบาลจะดำเนินมาตรการปิดเมืองทั่วประเทศเป็นเวลา 3 สัปดาห์มาตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. ที่ผ่านมาแล้วก็ตาม

ผลการศึกษาที่ดำเนินการโดยทีมนักวิจัยฝรั่งเศสนำโดยดิดิเยร์ รูโอลท์ จากไอเอชยู-เมดิเตอร์เรเนียน อินเฟคชัน บ่งชี้ว่า สูตรการรักษาที่เป็นส่วนผสมระหว่างยาไฮดร็อกซีคลอโรควินกับยาอะซิโทรมัยซินมีประสิทธิภาพในการในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดยทำให้ผู้ป่วย 80 รายมีอาการดีขึ้นและหายจากเชื้อไวรัสภายใน 6 วันของการรักษาด้วยสูตรนี้

อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยอายุ 86 ปีเสียชีวิตและอีกรายวัย 74 ปียังอยู่ในไอซียูหลังรับการรักษาด้วยแนวทางนี้

ผลที่ได้ถือว่าเป็นความสำเร็จระดับหนึ่งและนักวิจัยชาวฝรั่งเศสกล่าวในบทสรุปของการศึกษาว่า ประสิทธิภาพของไฮดร็อกซีคลอโรควินร่วมกับอะซิโทรมัยซิน ในการรักษาโควิด-19 มีประสิทธิภาพในการรักษาการติดเชื้อในระยะแรก

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดในอินเดียยังน่าเป็นห่วง โดยเฟซบุ๊คสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ทางการอินเดียได้พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่รายแรกในสลัมที่ใหญ่สุดในเอเชียของประเทศอินเดีย โดยสลัมแห่งนี้ มีชื่อว่า "ธาราวี" ตั้งอยู่ที่นครมุมไบ เมืองศูนย์กลางทางการเงินของอินเดีย

โฆษกประจำเทศบาลนครมุมไบ เปิดเผยว่า สมาชิกครอบครัวทั้ง 7 คนของผู้ป่วยรายนี้ ถูกสั่งกักกันตัวและเข้ารับการตรวจโรคในวันพฤหัสบดี (2 เม.ย.)

ธาราวี เป็นชุมชนแออัดบนพื้นที่ราว 3,800 ไร่ ที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นมากกว่า 1.5 ล้านคน ด้านกระทรวงสาธารณสุขของอินเดีย รายงานยอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 129 รายนับถึงวันที่ 6 เม.ย.

ขณะที่นครมุมไบ ตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เป็นจำนวนมาก ทำให้รัฐบาลประกาศให้พื้นที่ 2 แห่งของเมือง ได้แก่ ย่านวารลี และย่านคุรคาออน เป็นจุดแพร่เชื้อและปิดการสัญจรในบริเวณดังกล่าว