เปิด 3 รัฐฮอทสปอตแพร่โควิด-19ในสหรัฐ

เปิด 3 รัฐฮอทสปอตแพร่โควิด-19ในสหรัฐ

เปิดฮอทสปอตโควิด-19ในสหรัฐ ท่ามกลางการคาดการณ์จากทำเนียบขาวและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าจะมีพลเมืองอเมริกันเสียชีวิตจากโควิด-19ระหว่าง1แสนราย-กว่า2แสนราย

“เราประเมินสถานการณ์แพรระบาดของไวรัสนี้ต่ำเกินไป มันมีความรุนแรง และอันตรายมากกว่าที่เราคาดไว้” คูโอโม กล่าว

คูโอโม เรียกร้องให้บุคลากรทางการแพทย์ทั่วสหรัฐเดินทางมายังนิวยอร์กเพื่อช่วยต่อสู้กับโรคโควิด-19 ขณะเดียวกันก็เตือนว่าโรคโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อทุกรัฐในสหรัฐ

158578322190

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวอย่างมั่นใจว่า การตัดสินใจยืดเวลามาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมออกไป 1 เดือน จะช่วยคนอเมริกันให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้นับล้านคน

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของรัฐบาลสหรัฐ ให้ความเห็นว่า แม้จะมีการบังคับใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มงวด สหรัฐน่าจะมีตัวเลขผู้เสียชีวิตระหว่าง 100,000 และกว่า 200,000 ราย อยู่ดี

ข้อมูลล่าสุด เมื่อวันอังคาร (31มี.ค.)จากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอพกินส์ ระบุว่า ปัจจุบัน สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่จำนวนกว่า 175,000 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตเพราะการติดเชื้อแล้วไม่ต่ำกว่า 2,800 คน และต่อไปนี้คือเมืองที่มีความเสี่ยงสูงว่าจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐ

ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การอนามัยโลก ยอมรับว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าปัญหาการระบาดใหญ่ทั่วโลกนี้จะดำเนินต่อไปอีกนานเท่าใด รวมทั้งยังไม่มีหลักฐานใดที่สามารถบ่งชี้ว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นในช่วงหน้าร้อนจะทำให้อัตราการระบาดลดลงเหมือนที่หลายคนคาดหวังไว้

ด้านไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารด้านแผนงานฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก เตือนว่า โรคโควิด-19 จะไม่หยุดด้วยตัวเอง ซึ่งหมายถึงว่า จำเป็นที่รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ยังต้องเร่งลดจำนวนผู้ติดเชื้อต่อไป โดยมาตรการเหล่านี้รวมถึงการตรวจหาเชื้อ การแยกตัวผู้ป่วย การติดตามค้นหาผู้ที่ได้ติดต่อสัมผัส และการกักตัว

ส่วนแมทธิว กริฟฟิน ที่ปรึกษาด้านระบาดวิทยาขององค์การอนามัยโลก เสริมว่า การเพิ่มขึ้นอย่างมากของจำนวนผู้ติดเชื้อ จะเกิดขึ้นในประเทศที่ยากจน เช่น เมียนมา และลาว ที่เพิ่งรายงานผู้ติดเชื้อรายแรก ๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขหลายคนเชื่อว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แท้จริงในประเทศเหล่านี้ ยังมีซ่อนอยู่อีกมากเพราะขาดการตรวจหาเชื้ออย่างแท้จริง เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การอนามัยโลก ซึ่งผู้รับผิดชอบภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก จึงส่งคำเตือนไปยังรัฐบาลประเทศต่าง ๆว่า ต้องดำเนินการอย่างจริงจังและจะต้องเร่งมือกดดันต่อไปเพื่อพยายามลดการแพร่ระบาดของโรคนี้

สำหรับสหรัฐ จุดที่มีความเสี่ยงสูงว่าจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อต่อไป คือ ดีทรอยต์ เมืองอันเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตรถยนต์ของสหรัฐ ทั้งยังเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ที่สุดในรัฐมิชิแกน โดยดีทรอยต์เผชิญหน้ากับภาวะขาลงทางเศรษฐกิจมานานหลายปี เพราะค่ายรถจำนวนมากย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศ

ประชากรในเขตเทศบาลมีกว่า4ล้านคนและมีอัตราความยากจนที่ 35% สูงกว่าอัตราเฉลี่ยของประเทศ3เท่า นอกจากนี้ ดีทรอยต์ยังเป็นแหล่งอาศัยขนาดใหญ่ของคนจรรัด ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ โดยล่าสุด มีรายงานว่าเมืองดีทรอยต์มีผู้เสียชีวิต 50 ราย

ส่วนในรัฐมิชิแกน มีการพบผู้ติดเชื้อเกือบ 6,500รายนับจนถึงวันที่ 31 มี.ค.

ต่อมาคือ ชิคาโก เมืองใหญ่สุดของรัฐอิลินอยส์ กำลังมีชะตากรรมไม่ต่างจากนิวยอร์ก โดยมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ในชิคาโกอย่างน้อย 2,000 ราย โดยชิคาโก ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีขนาดใหญ่สุดในสหรัฐเนื่องจากในเขตเทศบาลเมืองมีประชากรอาศัยอยู่จำนวนกว่า 9,500,000 คนส่วนในรัฐอิลินอยส์ มีรายงานผู้เสียชีวิต 73 ราย และมีรายงานผู้ติดเชื้อกว่า 5,000 ราย นับจนถึงวันที่ 31 มี.ค.

158578369022

นิว ออร์ลีนส์ เป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่รุนแรงที่สุดในรัฐหลุยส์เซียนา ที่ถือเป็นรัฐที่มีการพบผู้ติดเชื้อต่อหัวประชากรในอัตราเร็วที่สุดที่สุดของประเทศเมื่อเทียบกับรัฐอื่นๆ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐหลุยส์เซียนา เมื่อวันที่ 24 มี.ค.หลังจากที่รัฐนี้พบผู้ติดเชื้อกว่า 5,000 ราย และมีผู้เสียชีวิต 39 ราย นับจนถึงวันที่ 31 มี.ค.

ส่วนในนิว ออร์ลีนส์ พบผู้ติดเชื้อจำนวน 1,480 ราย นับจนถึงวันที่ 30 มี.ค.ส่วนผู้เสียชีวิตในเมืองนี้มีจำนวน 86 ราย

เซาท์ ฟลอริดา เป็นอีกแห่งที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นแหล่งแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ล่าสุด รอน เดอแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาใช้มาตรการให้ชาวอเมริกันในรัฐนี้อยู่แต่ในบ้าน ห้ามออกไปไหนโดยไม่จำเป็น หลังจากยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งคำสั่งนี้ ครอบคลุม4 เมืองคือ เมืองโบรวาร์ด ไมอามี-เดด ปาล์มบีชและมอนโร ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื่อเกินกว่าครึ่งของยอดผู้ติดเชื่้อของรัฐที่มีจำนวน 5,000 ราย

หากรัฐบาลสหรัฐ รับมือการระบาดใหญ่ของไวรัสมฤตยูไม่ทันการณ์ ทั่วโลกอาจได้เห็นยอดผู้เสียชีวิตในสหรัฐพุ่งถึง100,000-200,000 รายตามที่รัฐบาลสหรัฐคาดการณ์ และถึงตอนนั้น ทั่วโลกคงปั่นป่วนยิ่งกว่านี้

158578372493