สธ.ห่วงผู้ป่วยโควิด-19ในตจว.พุ่ง

สธ.ห่วงผู้ป่วยโควิด-19ในตจว.พุ่ง

สธ. ห่วงแนวโน้มต่างจังหวัดพบผู้ป่วยสูงขึ้น ช่วง4วันเพิ่มเกือบ 200 ราย กำชับคนกรุง10ล้านคน “หยุดอยู่บ้าน-อย่าไปต่างจังหวัดเด็ดขาด” หวั่นนำเชื้อแพร่คนแก่-เด็กเล็ก เสี่ยงอาการรุนแรง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 มีนาคม 2563 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19ว่า มีผู้ป่วยเพิ่ม 188 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่มดังนี้ กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 65 ราย ได้แก่ กลุ่มสนามมวย 21 ราย ในจังหวัดกรุงเทพฯ เลย หนองบัวลำภู ปทุมธานี อุดรธานี ชลบุรี นนทบุรี พัทลุง แพร่ และสมุทรปราการ กลุ่มสถานบันเทิง 5 ราย เป็น พนักงานร้านอาหาร พนักงานเสิร์ฟ พนักงานต้อนรับ ที่กทม. อุดรธานี เพชรบูรณ์ มีประวัติการทำงานแถวย่านทองหล่อ กลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 37 ราย ที่สุโขทัย นนทบุรี ชลบุรี ปัตตานี สงขลา ขอนแก่น ปราจีนบุรี อุดรธานี และกลุ่มที่เข้าร่วมพิธีทางศาสนาในประเทศมาเลเซีย 2 ราย ในจังหวัดนราธิวาส และยะลา


กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 15 ราย ได้แก่ กลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศชาวต่างชาติ 8 ราย เป็นคนไทย 6 ราย และชาวสวิตเซอร์แลนด์ และอเมริกา ในจำนวนนี้มีหลายรายที่มีประวัติเดินทางกลับจากเที่ยวผับปอยเปต ที่ประเทศกัมพูชา สัมผัสผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้ ,กลุ่มผู้ทำงานหรืออาศัยในสถานที่แออัดต้องใกล้ชิดคนจำนวนมาก หรือเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ 7 ราย และกลุ่มที่ 3 ผู้ที่ได้รับผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการพบเชื้อแต่อยู่ระหว่างรอสอบสวนโรค 108 ราย ขณะที่มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 1 ราย เป็นชายชาวสิงคโปร์ อายุ 36 ปี จากสถาบันบำราศนราดูร ผู้ป่วยอาการหนักมี 7 ราย จาก สถาบันบำราศนราดูร โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาลบาลเอกชน ทุกรายใส่เครื่องช่วยหายใจ และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยสรุปมีผู้ป่วยกลับบ้านแล้ว 45 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 553 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมสะสม 599 ราย

คนกรุงหยุดอยู่บ้าน
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยอดผู้ป่วยรายใหม่เป็นคนไทยพบมากในกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่มสาว ที่อาการน้อยทำให้ยังมีกิจกรรมทางสังคมร่วมกับผู้อื่น เมื่อป่วยเล็กน้อยก็จะทำให้เกิดผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวนมาก เช่น กรณีสถานบันเทิง และสนามมวย ล่าสุดผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการในจังหวัดปริมณฑลได้สั่งปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงเป็นการชั่วคราว


“ขอความร่วมมือทุกคนที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครราว 10 ล้านคน ให้หยุดอยู่บ้าน ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น และอย่าเดินทางกลับภูมิลำเนาเด็ดขาด ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมาตรการที่รัฐออกมานั้น ต้องการที่จะหยุดการเคลี่อนย้ายของคน ดีที่สุดคือเมื่อหยุดงานแล้วขอให้พักอยู่ที่บ้านอย่ากลับไปภูมิลำเนาเด็ดขาด เพราะอาจนำเชื้อโรคไปแพร่ให้คนต่างจังหวัด คนใกล้ชิดในครอบครัว ซึ่งคนที่อยู่ที่บ้านในต่างจังหวัดจะมีกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุ จะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อจากคนที่ติดจากกรุงเทพมหานครจำนวนมาก ”นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว

อย่ารีบไปตรวจเชื้อ
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ในการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ขอความร่วมมือประชาชนหากไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงหรือผู้ที่ยังไม่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ ให้สังเกตอาการตัวเองที่บ้านเท่านั้น ยังไม่จำเป็นต้องไปตรวจหาเชื้อ ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการรักษาระยะห่างทางสังคม(Social Distancing)อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจหาเชื้อในผู้ที่มีความจำเป็นต้องได้รับการตรวจก่อน เนื่องจากการตรวจไปกว่า 10,000 รายก่อนหน้านี้พบเชื้อเพียง 4 % ที่สำคัญการตรวจเชื้อขณะที่ไม่มีอาการโอกาสพบเชื้อน้อยมาก ทำให้คนที่ตรวจแล้วผลเป็นลบอาจเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองไม่ติดเชื้อและออกไปมีกิจกรรมทางสังคมยิ่งจะเป็นการแพร่เชื้อส่งผลต่อระบบการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค 

158486245933


ห่วงตจว.ผู้ป่วยสูงขึ้น
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากสถานการณ์ผู้ป่วยนั้น จากเดิมพบว่าผู้ป่วยเกือบทั้งหมดจะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่ในช่วงตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2563 เป็นต้นมาจะเห็นได้ว่าจำนวนผู้ป่วยในพื้นที่ต่างจังหวัดเพิ่มสูงขึ้นมาก จากวันที่ 19 มีนาคม ผู้ป่วยในกรุงเทพฯ 213 ราย ต่างจังหวัด 59 ราย วันที่ 20มีนาคม เพิ่มเป็นกรุงเทพฯ 247 ราย ต่างจังหวัด 75 ราย วันที่ 21 มีนาคม กรุงเทพฯ284 ราย ต่างจังหวัด 127 ราย และวันที่ 22 มีนาคม กรุงทพฯ 363 ราย ต่างจังหวัดเพิ่มเป็น 236 ราย จะเห็นว่าช่วง 4 วัน เพิ่มขึ้นถึง 177 ราย 


นายแพทย์โสภณ กล่าวอีกว่า แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยในพื้นที่ต่างจังหวัดกำลังเพิ่มสูงขึ้น และถ้าไม่ทำอะไรอีกสักระยะหนึ่งจำนวนผู้ป่วยก็จะมากขึ้นอีกในต่างจังหวัด เพราะฉะนั้นการที่ให้คนกรุงเทพฯหยุดอยู่บ้านและไม่ไปต่างจังหวัดในช่วงเวลา 2 สัปดาห์นี้ วัตถุประสงค์หลักคือให้หยุดอยู่บ้านเพื่อไม่ให้ไปแพร่เชื้อให้กับผู้อื่น และใครที่อยู่ระหว่างการป่วยเล็กๆน้อยๆภายใน 2 สัปดาห์ก็จะหาย จึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่จะทำให้กรุงเทพฯปลอดเชื้อ ไม่เพิ่มเชื้อ แต่ถ้าคนไม่ทำตาม ยังมีการเดินทางและไปอยู่กับคนจำนวนมากระหว่างการเดินทาง ก็จะเป็นการเพิ่มเชื้อ ซึ่งระหว่าการเดินทางอาจไม่มีอาการหรืออยู่ระยะฟักตัว แต่เมื่อถึงต่างจังหวัด ก็มีโอกาสแพร่เชื้อให้ผู้สูงอายุที่อยู่ที่บ้าน เพราะฉะนั้นถ้ารักคนที่บ้านก็อย่าเพิ่งเดินทางกลับต่างจังหวัด กักตัวให้ครบอย่างน้อย 14 วันก่อน ให้แน่ใจว่าในกรุงเทพฯเชื้อจะน้อยลง


“ส่วนใหญ่ผู้ป่วยในกรุงเทพฯคือวัยทำงาน ที่ติดแล้วอาการไม่รุนแรง แต่หากนำไปติดคนต่างจังหวัดที่เป็นผู้สูงอายุก็เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง จึงหวังว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือ และเข้าใจวัตถุประสงค์ว่าช่วงเวลานี้ไม่ใช่วันหยุดพิเศษที่จะให้เดินทางกลับต่างจังหวัด แต่เป็นการให้หยุดอยู่บ้านในกรุงเทพฯ เพื่อทำให้กรุงเทพฯเชื้อน้อยลง และไม่ทำให้เชื้อไปอยู่ต่างจังหวัด”นายแพทย์โสภณกล่าว