ความเห็น 'ฮูไทย' ต่อมาตรการรัฐรับมือ 'โควิด-19'

ความเห็น 'ฮูไทย' ต่อมาตรการรัฐรับมือ 'โควิด-19'

ผู้แทนฮูประจำประเทศไทยถกร่วม “อนุทิน” หลังช่วง 5 วันยอดผู้ป่วยโควิด-19เพิ่ม หวั่นเกิดระบาดในชุมชน อาจตามตัวยากขึ้น ย้ำมาตรการ “ระยะห่าง”สำคัญที่สุด ทุกคนต้องเสียสละ

       เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 นายแดเนียล เคอร์เทสซ์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลก ประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ภายกลังเข้าหารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับการรับมือสถานการณ์โควิด-19ในประเทศไทยว่า การหารือเพื่อประสานความร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 ในไทย อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกขอชื่นชมมาตรการที่รัฐบาลไทย กระทรวงสาธารณสุขของไทยใช้ในการรับมือกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ดีมาก แต่ในระยะ 5 วันที่ผ่านมามีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจำนวนมาก องค์การอนามัยโลกจึงกังวลว่าจะมีการติดเชื้อในชุมชนแล้ว ซึ่งยากต่อการค้นหาผู้สัมผัสและควบคุมโรค อย่างไรก็ตาม มาตรการเว้นระยะห่างของสังคมเป็นเรื่องที่ดี
       เมื่อถามว่าสถานการณ์ในปัจจุบันของประเทศไทยถึงเวลา หรือจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการปิดประเทศหรือไม่ นายแดเนียล กล่าวว่า มีเรื่องจำเป็นต้องทำ 2 อย่าง คือ 1.ดำเนินการมาตรการทางสาธารณสุขเชิงรุก ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลไทยทำได้ดีอยู่แล้ว เช่น การระบุผู้ป่วย การตรวจแล็บผู้ต้องสงสัย การแยกผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อไปยังคนอื่น รวมทั้ง การค้นหาผู้ที่มีประวัติสัมผัสเชื้อ ซึ่งประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องยังคงเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจกาจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น และกำลังสงสัยว่าจำนวนผู้ป่วยในชุมชนจะเพิ่มขึ้นด้วย และเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาระยะห่าง ซึ่งไทยดำเนินการอยู่แล้ว และเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการรักษาระยะห่าง
      ถามย้ำว่าจำเป็นต้องปิดประเทศหรือไม่ นายแดเนียล กล่าวว่า ปิดประเทศหมายถึงอย่างไร แต่ส่วนตัวคิดว่าทุกคนจะต้องตระหนักในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ อย่างเช่น ยังคงรักษาระยะห่างไว้หรือไม่ ไม่ไปบาร์ ไม่ไปร้านอาหาร ทุกคนต้องเสียสละในส่วนนี้

     ด้านนายอนุทิน กล่าวว่าว ผู้แทนองค์การอนามัยโลกชื่นชมว่ามาตรการที่ไทยทำเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 ดีแล้ว แต่ต้องเน้นการเฝ้าระวังการระบาดในประเทศให้มาก โดย 3-4 วันที่พบในกลุ่มสนามมวย และสถานบันเทิง ซึ่งการพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นก็เป็นมาตรการค้นหาผู้ป่วยแล้วนำเข้าสู่การรักษาที่เร็ว สะท้อนว่ายังสามารถสืบหาคนสัมผัสกับคนแพร่เชื้อเข้าสู่การรักษาได้

       เมื่อถามว่ากรมสุขภาพจิตได้มีการคาดการณ์ผลกระทบกับสุขภาพประชาชนอย่างไรบ้างเพราะประชาชนกังวลเรื่องโควิด-19 ซ้ำกับปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งล่าสุดพบประชาชนทำร้ายตัวเองพร้อมเขียนจดหมายว่าอาจจะติดโควิด-19 นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เราเป็นห่วงทุกคน ขอให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง และให้ความร่วมมือในการควบคุมป้องกันโรคให้มากที่สุด เพื่อก้าวผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปด้วยกัน แต่ถ้าคอยแต่ติฉินนินทากันก็ทำให้เกิดความวิตกกังวลในวงกว้างได้ อย่างไรก็ตาม ขอให้ครอบครัว คนใกล้ชิดช่วยดูแลสภาพจิตใจกันและกันด้วย หากมีปัญหามารับการรักษา หรือโทรสายด่วนสุขภาพจิต 1323
       “วันนี้ไม่มีการเอาการเมืองเข้ามาปนกับโรคระบาดแน่นอน ไม่ได้คิดเรื่องการเมืองมา 2 เดือนครึ่งแล้ว ประชุมพรรคยังไม่ประชุมเลย ไม่ได้ว่างขนาดนั้น ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตนว่าไม่ใช่หมอแต่มาดูกระทรวงหมอนั้นไม่ได้บั่นทอน เพราะที่ผ่านมามีรัฐมนตรีที่ไม่ได้เป็นหมอมาเยอะ แต่ยืนยันว่าในยามโรคระบาดนั้นตนไม่มีการเอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน และไม่มีใครเอาการเมืองมาแทรกตนได้ ตนทำงานตามหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แยกแยะชัดเจน”นายอนุทินกล่าว