'นายกฯ' ถกรับมือโควิด-19 จับตา! มาตรการปิด 'ผับ'

'นายกฯ' ถกรับมือโควิด-19 จับตา! มาตรการปิด 'ผับ'

"ประยุทธ์" ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ติดตามและสั่งการรับมือ คาดเตรียมหารือปิดสถานบันเทิง-สนามมวย ด้าน "วิษณุ" ยัน ไม่ใช้ พ.ร.บ.มั่นคง-พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เข้าควบคุมพื้นที่การแพร่ระบาด

เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ติดตามความคืบหน้าและสั่งการรับมือสถานการณ์ ซึ่งก่อนการประชุม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุข เข้าพบนายกรัฐมนตรีบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล คาดว่าวันนี้จะมีการหารือเพิ่มเติมเรื่องการปิดสถานบันเทิง สนามมวย สนามกีฬา และกิจกรรมสันทนาการที่มีการรวมตัวกันของคนจำนวนมากว่า 100 คน

ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 มี 3 แนวทางคือ 1.ลดคนเดินทางเข้าประเทศ 2.ปิดสถานบริการที่มีความแออัด มีความเสี่ยง 3.งดกิจกรรมรวมคนหมู่มาก

นอกจากนี้ จะมีการชี้แจงจากกระทรวงพาณิชย์เรื่องของการกระจายหน้ากากอนามัยไปยังสถานพยาบาล ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น หลังเพิ่มการผลิต จากวันละ 1,200,000 ชิ้น เป็น 1,760,000 ชิ้น

รวมถึงอาจจะมีการหารือยกระดับรับมือสถานการณ์ จากระดับ 2 เป็นระดับ 3 และหารือการยกระดับการแจ้งเตือนประชาชน จากระดับ 3 เป็นระดับ 4 หรือไม่ หลังมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

นอกจากนั้น นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า จะนำเรื่องการงดจัดกิจกรรมประเพณีสงกรานต์ทุกประเภท เช่น ประเพณีภายในวัด และการจัดกิจกรรมเล่นน้ำสงกรานต์ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งวันเสาร์ที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้ส่งหนังสือเวียนถึงจังหวัด ซึ่งการงดจัดกิจกรรมเป็นไปได้ถึงร้อยละ 70 ยกเว้นธุรกิจปกติ เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า โดยหากฝ่าฝืนจะใช้กฎหมาย 3 ฉบับ ในการควบคุมการฝ่าฝืนจัดกิจกรรม ประกอบด้วยพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมกับขอให้ปีนี้เป็นสงกรานต์ที่บ้าน

ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ยืนยันว่า ไม่น่าจะใช้ พ.ร.บ.มั่นคง หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ควบคุมจำกัดพื้นที่แพร่ระบาด แต่จะใช้กฎหมายอื่น ซึ่งต้องหารือร่วมกันในที่ประชุม