สธ.เผย 'โควิด-19' เปลี่ยนโซนระบาด

สธ.เผย 'โควิด-19' เปลี่ยนโซนระบาด

สธ.เผยโควิด-19เปลี่ยนโซนระบาด เตือนเดินทางไปยุโรปต้องระวัง ขอให้เลี่ยงประเทศพบผู้ป่วยต่อเนื่อง-แพร่ระบาดหลายเมือง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 มีนาคม 2563 นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค(คร.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19(COVID-19)ว่า มีผู้ป่วยยืนยันเพิ่ม 3 ราย รายแรก เป็นหญิงไทย อายุ 41 ปี ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายที่ 45 ที่เป็นชายไทย อาชีพพนักงานบริษัทและกลับจากประเทศอิตาลี รายนี้เริ่มป่วยวันที่ 7 มีนาคม 2563 ด้วยอาการ ไข้ รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ราชวิถี รายที่ 2 และ 3 เป็นสามีภรรยากัน ภรรยาอายุ 46 ปี มีประวัติเดินทางกลับจากประเทศอิตาลี กลับถึงเมืองไทยวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 มีอาการไม่สบายตัว ส่วนสามีอายุ 47 ปี ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2563 ด้วยอาการไข้สูง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ไปตรวจที่โรงพยาบาลพบเชื้อ ขณะนี้ทั้ง 2 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม

ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันสะสม 53 ราย ที่รักษาหายแล้ว 33 ราย ยังรักษาตัวอยู่ใน โรงพยาบาล 19 ราย เสียชีวิต 1 ราย ส่วนผู้ป่วยอาการหนัก 1 ราย ที่รักษาตัวอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 9 มีนาคม 2563 จำนวน 4,682 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 2,844 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 1,838 ราย


“แม้ผู้ป่วย 2 ใน 3 ที่ยืนยันนี้ จะไม่ได้มีประวัติเดินทางไปในประเทศเสี่ยงที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้เป็นเขตโรคติดต่ออันตราย คือ อิตาลีนั้น แต่ตระหนักดีว่ามีคนใกล้ชิดและคนในครอบครัวเดินทางกลับมา จึงได้แยกตัวเองออกจากคนอื่นมาตลอด เมื่อมีการตรวจพบยืนยันติดเชื้อ จึงไม่ได้มีผู้สัมผัสต่อเนื่องจากแต่อย่างใด และระยะหลังจะพบว่าคนที่กลับจากต่างประเทศเสี่ยงจะมีผู้สัมผัสน้อยลงมาก แสดงถึงการให้ความสำคัญทำตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขในการแยกตัวเองออกจากผู้อื่น 14 วัน และเข้าสู่การตรวจวินิจฉัยด้วยตนเองโดยระมัดระวังไม่ไปแพร่เชื้อให้คนอื่น”นายแพทย์โสภณกล่าว 

โรคเริ่่มเปลี่ยนโซนระบาด
นายแพทย์โสภณ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ทั่วโลกของโรคโควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้นในประเทศจีนดูจากมีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มไม่มาก เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2563 มีเพิ่มเพียง 10 กว่าราย และมีการปิดโรงพยาบาลสนามบางแห่งแล้ว แสดงว่าจำนวนผู้ป่วยในระบบโรงพยาบาลปกติรักษาพยาบาลเพียงพอ อย่างไรก็ตาม ปัญหาจะไปอยู่ที่ยุโรป ข้อมูลล่าสุดประเทศอิตาลีมีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่และผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 2 แซงหน้าประเทศเกาหลีใต้ 

“คนที่จะเดินทางไปในประเทศแถบทวีปยุโรปต้องระวังมากๆ เพราะไม่เฉพาะอิตาลีเท่านั้น ยังมีฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ สวีเดน และเบลเยี่ยมที่ล้วนขึ้นมาติดอันดับท็อป 10 เร็วมากในเวลาเพียงไม่กี่วัน จึงเห็นได้ว่าสถานการณ์ของโรคเริ่มเปลี่ยนไปอยู่อีกภูมิภาคหนึ่งของโลกคือยุโรป จึงขอให้คนไทยหลีกเลี่ยงไปในทุกประเทศที่มีการรายงานพบผู้ป่วยรายใหม่ต่อเนื่อง และมีการแพร่ระบาดในหลายๆเมือง”นายแพทย์โสภณกล่าว 


ด้านนายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวว่า จากการที่ราชกิจจานุเบกษาประกาศห้ามผลิต นำเข้า และจำหน่ายเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ต่ำกว่า 70 % ผู้ที่ฝ่าฝืนผลิตหรือนำเขาต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้จำหน่ายมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ประชาชนสามาถดูผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจากอย.ได้จากเลขจดแจ้ง 13 หลัก 

ปัจจุบันมีการขออนุญาตผลิตเจลแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์เกิน 70 % 2,613 ตำรับ สถานที่ผลิต 766 แห่ง มีกำลังการผลิตประมาณ 90 ตันต่อวัน หากเทียบเป็นขวดขนาด 450 กรัมจะผลิตได้ 1.8 แสนขวด หากเทียบเป็นแบบหลอดขนาด 50 กรัม ผลิตได้ 1.7 ล้านหลอด ก็ถือว่ามีความเพียงพอ อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถผลิตใช้เองได้ตามสูตรของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่มีการเผยแพร่ 

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ขอย้ำให้ประชาชนเข้าใจถึงการใช้เจลแอลกอฮอล์ มีความจำเป็นต้องใช้เพื่อล้างมือเมื่อไปในสถานที่ที่ไม่มีห้องน้ำที่มีสบู่ไว้ให้ล้างมือเท่านั้น แต่หากไปในสถานที่ที่มีห้องน้ำและสบู่ สามารถใช้สบู่และน้ำเปล่าในการล้างมือได้ ก็จะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ทั้งไวรัสและแบคทีเรีย ส่วนคนที่ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือแล้วไปล้างสบู่ซ้ำในเวลาพร้อมกันนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทำไม่เกิดประโยชน์ สามารถใช้สบู่และน้ำล้างมือเพียงอย่างเดียวได้ หรือห้องน้ำที่มีสบู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องนำเจลแอลกอฮอล์ไปวางไว้อีก