‘ธนารักษ์’ เล็งขายทอดตลาด ที่ดินใจกลางสีลม-ริมเจ้าพระยา

‘ธนารักษ์’ เล็งขายทอดตลาด ที่ดินใจกลางสีลม-ริมเจ้าพระยา

“กรมธนารักษ์”เตรียมขายทอดตลาดทรัพย์สินถูกยึดจากคดีต่างๆ เป็นที่ดิน 100 แปลง พื้นที่ 100 ไร่ แปลงไฮไลท์กลางสีลม-ริมเจ้าพระยา ประมูล พ.ค.นี้ เผยได้รับที่ดินเพิ่ม 1 ล้านไร่ เหตุไม่มีผู้ครอบครอง ยอดดูแลที่ดินแตะ 13.5 ล้านไร่

นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมธนารักษ์ได้รับมอบที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ได้จากการยึดทรัพย์ตามกฎหมายต่างๆจำนวนมากกว่า 100 แปลง เป็นพื้นที่เกินกว่า 100 ไร่ เข้ามาอยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์ โดยกรมกรมธนารักษ์มีนโยบายที่จะตัดขายออกไปทั้งหมด เนื่องจากไม่มีอัตรากำลังเข้าไปดูแลได้อย่างทั่วถึง จึงขออนุมัติระดับนโยบายจากกระทรวงการคลังให้ดำเนินการจำหน่ายออกไป

ทั้งนี้ การเสนอขายทรัพย์ประเภทที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นไปตาม พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ พ.ศ.2562 ระบุว่า ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใดที่หน่วยงานราชการได้จากการยึดทรัพย์มาสามารถนำไปบริหารจัดการ เช่น ขาย หรือ จัดการให้เช่าได้

“เราขอนโยบายจากรัฐมนตรีคลังไปว่า ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับมอบมานั้น เราคงดูแลไม่ไหว เนื่องจาก ทรัพย์ดังกล่าว เป็นทรัพย์ที่ได้จากคดีต่างๆ เช่น ฟอกเงิน ยาเสพติด ซึ่งบางแห่งยังมีผู้บุกรุก ดังนั้น เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ จึงขออนุมัติจากระดับนโยบายเพื่อให้สามารถขายออกไป ซึ่งระดับนโยบายก็ได้อนุมัติแล้ว” นายยุทธนา กล่าว

ทั้งนี้ กรมธนารักษ์เตรียมนำทรัพย์ดังกล่าวออกขายโดยเร็วที่สุดภายในเดือน พ.ค.นี้ โดยเสนอขายผ่านวิธีการประมูลด้วยวาจาเช่นเดียวกันกับการขายทอดตลาดรถยนต์จากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งจะทำให้กรมธนารักษ์สามารถขายได้ในราคาที่เหมาะสม โดยจะเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้ามาประมูลเมื่อได้เม็ดเงินจากการประมูลแล้ว จะนำเข้าคลังหลวง

สำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะเสนอขายนั้น จะมีพื้นที่ไฮไลท์ที่อยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร เช่น แถวถนนสีลมจำนวน 34 ตารางวา ซึ่งยึดมาจากการฟอกเงิน ฉ้อโกง , พื้นที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนนทบุรี จำนวนหลายแปลง , พื้นที่ในจังหวัดสระบุรี ซึ่งยึดได้จากคดียาเสพติด เป็นต้น

นอกจากนี้ พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ พ.ศ.2562 ยังระบุว่า พื้นที่ใดที่ไม่มีการใช้ประโยชน์จากราชการและไม่ชัดเจนว่า มีบุคคลใดเป็นเจ้าของให้ถือว่าที่ดินนั้นๆเป็นที่ราชพัสดุ ดังนั้น ในช่วงที่ผ่านมา กรมธนารักษ์ได้มอบให้ธนารักษ์พื้นที่ทำการสำรวจ ได้รับรายงานว่า มีพื้นที่ในลักษณะดังกล่าวจำนวนประมาณ 1 ล้านไร่ ดังนั้น กรมธนารักษ์จะเข้าไปบริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าว โดยจะนำมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ จัดให้เอกชนเช่า หรือหน่วยงานราชการใดต้องการใช้งาน ก็สามารถแจ้งเข้ามาใช้พื้นที่ได้

สำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่หน่วยงานราชการถือครองในต่างประเทศ เช่น สถานเอกอัครราชทูต จะถูกจัดเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์เช่นกัน ดังนั้น กรมธนารักษ์จะร่วมกับกระทรวงต่างประเทศในการสำรวจและประเมินราคาทรัพย์สินดังกล่าว หากมีการปิดสถานทูตทรัพย์นั้นๆจะต้องถูกนำมาบริหารจัดการ เช่น ขาย หรือ ให้เช่า

ทั้งนี้ ปัจจุบันกรมธนารักษ์มีที่ราชพัสดุอยู่ในความดูแลจำนวนประมาณ 12.5 ล้านไร่ คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 ล้านล้านบาท ดังนั้น เมื่อรวมกับที่ดินใหม่ที่ได้มาเพิ่มจำนวน 1 ล้านไร่ และ ทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ จะทำให้มูลค่าทรัพย์สินที่อยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่ยังไม่ได้ประเมินว่า เพิ่มขึ้นมาเป็นจำนวนเท่าใด

รายงานข่าวระบุว่า ที่ผ่านมากรมธนารักษ์ได้หารือกับส่วนราชการต่างๆ เพื่อบริหารจัดการที่ดินราชพัสดุ โดยวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมาได้ลงนามบันทึกข้อตกลงกับกองทัพบก “โครงการการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจของกองทัพบก”

บันทึกข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้การใช้ที่ราชพัสดุของกองทัพบก (ที่ดิน อาคาร และสิ่งปลูกสร้าง) ในการจัดสวัสดิการภายในกองทัพบกเป็นไปตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง การจัดสวัสดิการภายในกองทัพบก ดำเนินการภายใต้กรอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ.2547 เช่น สถานีบริการน้ำมัน ร้านค้า ตลาดนัด กิจการสโมสร สนามมวย สนามกอล์ฟ สนามม้า สถานพักฟื้นพักผ่อนกองทัพบก

ทั้งนี้ กิจการสวัสดิการของกองทัพบกที่ดำเนินอยู่นั้นเน้นให้บริการหรือจำหน่ายสินค้าคุณภาพและราคาถูกแก่กำลังพลกองทัพบกและครอบครัว ส่งผลให้บุคคลทั่วไปสนใจใช้บริการและซื้อสินค้า ซึ่งเมื่อผลประกอบการดีจึงอาจทำให้สินค้าและบริการถูกลง เกิดผลดีแก่กำลังพลและบุคคลทั่วไปและอาจมีรายได้เข้ากองทุนสวัสดิการกองทัพบก