บริษัทอเมริกันหวั่น 'โควิด-19' ยืดเยื้อ ทำรายได้ในจีน 'วูบ'

บริษัทอเมริกันหวั่น 'โควิด-19' ยืดเยื้อ ทำรายได้ในจีน 'วูบ'

บริษัทอเมริกันจำนวนมากโอดครวญว่า รายได้จากจีนปีนี้อาจหายไปถึงครึ่งหนึ่ง หากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 ยังคงอยู่ตลอดฤดูร้อน เนื่องจากธุรกิจต้องทุ่มเทสรรพกำลังเพื่อให้ยังยืนอยู่ได้ ท่ามกลางข้อจำกัดการเดินทาง อีกทั้งยังขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันโรค

เว็บไซต์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงาน หอการค้าอเมริกัน (แอมแชม) ในประเทศจีน สำรวจความคิดเห็นสมาชิกระหว่างวันที่ 17-20 ก.พ.พบว่า บริษัทอเมริกันในจีนที่ให้ข้อมูล 169 แห่ง เกือบครึ่งหนึ่งคาดว่า ถ้าธุรกิจยังกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ภายในสิ้นเดือน เม.ย. รายได้ปีนี้จะลดลง

บริษัท 1 ใน 5 กล่าวว่า รายได้จากจีนประจำปีนี้ อาจลดลงกว่า 50% ถ้าการแพร่ระบาดต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 30 ส.ค.

ผู้ให้ข้อมูล 94% ใช้นโยบายให้พนักงานทำงานที่บ้าน แต่ธุรกิจที่จำเป็นต้องมีคนงานในพื้นที่กล่าวว่า ข้อจำกัดการเดินทางทำให้เกิดความล่าช้าบางประการ หลังจากเมื่อวันอังคาร (25 ก.พ.) จีนออกระเบียบกำหนดให้ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างหนักในยุโรป เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ต้องถูกกักตัว

บริษัทอเมริกันอ้างว่า การเดินทางที่ชะงักไปทั้งโลกเป็นอุปสรรคใหญ่สุด ทำให้ผลิตภาพลดลง พนักงานไปทำงานไม่ได้ตามปกติ ภายในประเทศจีนนโยบายห้ามเดินทางและบังคับกักตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส ทำให้คนงานต่างถิ่นชาวจีนพากันกลับบ้าน แม้จีนจะพยายามเริ่มให้คนงานกลับมาทำงานอีกครั้งแล้วก็ตาม

“วิกฤตินี้เป็นของจริง ผู้คนให้ความสำคัญกับไวรัสเป็นเรื่องแรก การฟื้นตัวของเศรษฐกิจมาทีหลัง การหาอุปกรณ์ป้องกันโรคในปริมาณมากพอดูแลพนักงานให้ปลอดภัย จึงเป็นความท้าทายของหลายๆ บริษัท” เกร็ก จิลลิแกน ประธานแอมแชมกล่าว

ขณะที่พนักงานออฟฟิศในจีนจำนวนมากสามารถทำงานจากบ้านได้ แต่แดนมังกรมีคนงานจากชนบท 291 ล้านคนเข้ามาทำงานในเมือง ส่วนใหญ่เป็นงานที่ต้องอยู่ในพื้นที่ คนเหล่านี้พยายามกลับมาทำงานแต่มาได้ไม่ถึง 1 ใน 3

เมื่อเร็วๆ นี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมประเมินว่าคนงานในชนบทจะกลับมาทำงานได้ในเดือน มี.ค. สภาแห่งรัฐจีนเรียกร้องให้เขตที่ผู้ติดเชื้อลดลงแล้วกลับมาเริ่มต้นการผลิตเต็มศักยภาพเหมือนเดิม

ในประเด็นเรื่องพนักงานผู้ให้ข้อมูลกว่าครึ่งกล่าวว่า พวกเขาให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพนักงานมาก่อนผลประกอบการ แต่การที่ทั่วโลกตื่นตระหนกแห่กันไปซื้อหน้ากาก เจลล้างมือ และอุปกรณ์ป้องกันจนของหมด ยิ่งทำให้การทำงานในโรงงานหลายแห่งยากยิ่งขึ้น

ส่วนในเรื่องงบประมาณ บริษัทราว 40% กล่าวว่า กำลังทบทวนงบประมาณประจำปี 33% กำลังลดต้นทุน ขณะที่ผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่กล่าวว่า เร็วเกินกว่าจะสรุปว่าการสูญเสียรายได้เป็นผลจากความล่าช้า 10% ประเมินว่ากำลังขาดทุนวันละ 5 แสนหยวนเป็นอย่างน้อย

ในมณฑลหูเป่ย์ ศูนย์กลางการแพร่ระบาด ปัญหายิ่งรุนแรงขึ้น คนงานที่ต้องไปทำงานต่างเมืองหรือต่างมณฑล ต้องเจอด่านตรวจและต้องกรอกเอกสารหลายจุด ทั้งยังต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันและปกปิดร่างกายให้มากพอตลอดการเดินทาง ในช่วงที่อุปกรณ์เหล่านั้นยังขาดแคลนต่อเนื่อง

ในแต่ละวันคนงานบางคนจากมณฑลหูเป่ย์ต้องวุ่นวายอยู่กับกฎระเบียบจากหลากหลายหน่วยงาน รวมทั้งคณะกรรมการชุมชนแต่งตั้งโดยพรรคคอมมิวนิสสต์ ที่ต้องประเมินว่าใครปลอดภัยสามารถเข้าออกในพื้นที่ได้

35% ของบริษัทผู้ให้ข้อมูลกล่าวว่า พวกเขาล้วนมีสำนักงานในหูเป่ย์ เช่น โรงงานผลิต ศูนย์กระจายสินค้า และสำนักงานวิจัยและพัฒนา อีก 36% บอกว่ามีสำนักงานในมณฑลอื่นรอบหูเป่ย์ ซึี่งไวรัสแพร่ระบาดเช่นกัน

“ใครก็ตามที่รอดและไปต่อได้จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ไม่ให้ต้องลดค่าจ้างหรือเลิกจ้าง ที่สำคัญคือใครจะรอดไปได้” จิลลิแกนย้ำ