กังวล "Superspreader"

กังวล "Superspreader"

คาดว่าดัชนีจะสลับรีบาวด์ช่วงอ่อนตัวหลังพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าร่างพ.ร.บ.งบปี 63 มูลค่า 3.2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นบวกต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศช่วงถัดไป

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ทรุดตัวลงแรง -72.69 จุด (-5.05%) ปิดที่ 1,366 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.3 หมื่นล้านบาท หลังพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส Covid-19 เป็นชาวไทยที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงต่างประเทศแต่ปกปิดข้อมูลส่งผลให้มีความกังวลว่าจะเกิดการแพร่กระจายรวมถึงมีการยกระดับการควบคุมเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เป็นแรงขายในกลุ่มหลัก BANK, PETRO COMM และ ICT ส่วนนักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นฝั่งขายสุทธิ 834 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 59 ล้านบาท อีกทั้งกลับมา Net Short TFEX 56 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นลบคาด SET Index ปรับตัวลงทดสอบ 1,340 - 1,345 จุด จากความกังวลไวรัส Covid-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดไปในหลายประเทศ รวมถึงการพบผู้ป่วยชาวไทยติดเชื้อไวรัสจากพื้นที่เสี่ยงในต่างประเทศแต่ปกปิดข้อมูลจึงมีความเสี่ยงที่ไวรัสจะระบาดเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงแรงหลุด 50 US/Barrel จากความกังวล Demand ที่หดตัวตามภาวะเศรษฐกิจซึ่งเป็นลบต่อกลุ่มพลังงานและปิโตรฯ อีกทั้งการชุมนุมประท้วงรัฐบาลในหลายจุดของกลุ่มนิสิตนักศึกษาประเด็นยุบพรรคอนาคตใหม่ก็เป็นอีกแรงกดดันต่อทิศทางการลงทุนในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าดัชนีจะมีสลับรีบาวด์ช่วงอ่อนตัวหลังพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าร่างพ.ร.บ.งบปี 63 มูลค่า 3.2 ล้านล้านบาทแล้วซึ่งเป็นบวกต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศช่วงถัดไป

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มส่งออก Elec (KCE, HANA, DELTA)  Food (CPF, TU) อานิสงส์ทิศทางเงินบาทอ่อนค่า
  • กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, KTC ) ได้อานิสงส์ต้นทุนการเงินลดลงหลังกนง.ลดดอกเบี้ย 0.25%
  • หุ้นกลุ่ม Defensive ที่จ่ายปันผลระดับสูง ADVANC, INTUCH, TTW
  • MSCI เพิ่มน้ำหนัก CRC, BTS และ BDMS มีผลวันที่ 28 ก.พ. 

หุ้นแนะนำวันนี้

  • ADVANC (ปิด 197 ซื้อ/เป้า 247 บาท) ได้รับผลกระทบจากไวรัส Covid-19 น้อยสุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ขณะที่ ADVANC เริ่มเปิดให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์เป็นรายแรกของไทยช่วยหนุนกิจกรรมการตลาดและช่วยดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการเครือข่ายของ ADVANC มากขึ้น
  • CK (ปิด 19 ซื้อ เป้า IAA Consensus 25.5 บาท) ได้ Sentiment บวกพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าให้ร่าง พ.ร.บ.งบปี 63 ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว คาดภาครับเร่งเบิกจ่ายทันที ส่งผลดีโดยตรงต่อหุ้นกลุ่มรับเหมา เลือก CK เป็น Top pick ผลประกอบการผันผวนน้อยสุดของกลุ่ม เพราะมีเงินลงทุนในบริษัทลูกซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ รถไฟฟ้า ทางด่วน (BEM), น้ำประปา (TTW) และโรงไฟฟ้า (CKP) จึงมีความมั่นคงของผลประกอบการมากกว่าผู้ประกอบการรายอื่นที่เน้นธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเพียงอย่างเดียว

บทวิเคราะห์วันนี้

BEM (ปิด 9.9 ถือ/เป้า 12), IVL (ปิด 26.75 ซื้อ/เป้า 38), PTTGC (ปิด 44.5 ถือ/เป้า 52), QH (ปิด 2.32 ถือ/เป้า 2.6)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) กังวลไทยประกาศเตือนไวรัส Covid-19 แพร่ระบาดขึ้นสู่ระดับ 3 หลังพบผู้ป่วยติดเชื้อแต่ปกปิดข้อมูลจนเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง: วานนี้นักลงทุนตื่นตระหนกกับข่าว ร.พ. บีแคร์ฯ ออกแถลงการณ์มีผู้ป่วยชาวไทยติดเชื้อไวรัส Covid-19 และเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างหรือเกิดการแพร่ระบาดแบบ Super spreader (1 คน กระจายเชื้อสู่ 20 คน) เนื่องจากระหว่างการเข้ารักษา ผู้ป่วยปกปิดข้อมูลการเดินทางไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยงก่อนจะยอมรับในภายหลัง ส่งผลให้ แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ที่สัมผัสกับผู้ป่วยรายดังกล่าวรวมกว่า 30 คน มีความเสี่ยงติดเชื้อโดยไม่ได้ระวังตัว นอกจากนี้พบว่าหลานข้ของผู้ป่วยติดเชื้อด้วยเช่นกันซึ่งเด็กคนดังกล่าวเดินทางไปโรงเรียนตามปกติ ก่อนจะหยุดเรียนหลังตรวจพบไวรัสแล้ว เป็นเหตุให้โรงเรียนดังกล่าวต้องหยุดการเรียนเป็นเวลา 14 วัน
  • (+) คาดหวังภาครัฐเร่งลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าให้ร่างพ.ร.บ.งบปี 63 ประกาศลงในราชกิจจาฯ แล้ว: พระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯให้ร่าง พ.ร.บ.งบปี 63 มูลค่า 3.2 ล้านล้านบาท ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ช่วยปลดล็อก Over hang ของการลงทุนจากภาครัฐหลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้อย่างเต็มที่ (กฎหมายยังไม่ผ่านสภาฯ) เราคาดว่าภายหลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ภาครัฐจะเร่งเบิกจ่ายงบประมาณนี้ทันที ทั้งการกระตุ้นการบริโภค การท่องเที่ยว และการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยเข้ามาพยุงเศรษฐกิจ และฟื้นความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และนักลงทุนในระยะถัดไป เป็นบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องโดยตรง อาทิ รับเหมาฯ (Top pick : STEC, CK, SEAFCO และ นิคมฯ Top pick :AMATA)
  • (-) AOT - กพท.ประชุมร่วม 10 สายการบิน หาแนวทางบรรเทาผลกระทบคาดกดดันรายได้ AOT อีกหากมีการประกาศใช้จริง: สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) จัดประชุมร่วม 10 สายการบินเพื่อหาแนวทางบรรเทาผลกระทบจากไวรัส Covid-19 เบื้องต้นมีทั้งหมด 5 แนวทาง โดยมี 2 แนวทางที่หากประกาศใช้จริงจะกระทบต่อรายได้ของ AOT คือ 1) ปรับลดค่าขึ้น/ลง และจอดเครื่องบิน (Landing Charge) และ 2) ลดค่าธรรมเนียมผู้โดยสารขาออก (Passenger service charge : PSC) 50% เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งนี้หากมีการลดรายได้ดังกล่าวลงประมาณ 50% คาดว่าแนวทางที่ 1 จะกระทบกำไรต่อ AOT ประมาณ 10% ส่วนแนวทางที่ 2 บริษัทไม่เคยปรับลดรายการดังกล่าวคาดว่าแนวทางนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นจริง