สร้างความมั่งคั่ง อย่างมั่นคง

สร้างความมั่งคั่ง อย่างมั่นคง

เปิด 4 เคล็ดลับสร้างความมั่งคั่งอย่างมั่นคง ต้องเริ่มตั้งแต่การสร้าง การปกป้อง การเพิ่มพูน และสุดท้ายคือการส่งมอบความมั่งคั่งให้กับคนรอบข้าง

ความมั่งคั่ง (Wealth) หมายถึง การที่ขนาดของสินทรัพย์สุทธิของตนเอง ซึ่งมาจากสินทรัพย์รวมของตนหักออกด้วยหนี้สินของตน ซึ่งหากสองค่านี้ลบกัน แล้วมีค่าบวกมากๆ ก็เรียกว่ามีความมั่งคั่งมาก ซึ่งผู้ที่มีความมั่งคั่งมาก ก็ยังสามารถต่อยอดความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ เพื่อให้กลายเป็นความมั่นคงได้นั่นเอง

เคล็ดลับที่จะทำให้ท่านมีความมั่งคั่งอย่างมั่นคง มี "หลักในการบริหารความมั่งคั่ง 4 องค์ประกอบ” ด้วยกัน คือ

1.การสร้างความมั่งคั่ง (Wealth Creation) ได้แก่ การหารายได้ ทั้งจากการดำเนินธุรกิจ รายได้จากงานประจำ รวมถึงรายได้ที่ได้มาจากการใช้ความสามารถของตนเอง เป็นต้น

2.การปกป้องความมั่งคั่ง (Wealth Protection) คือ การสร้างหลักประกัน เพื่อลดความเสี่ยงของความเสียหาย ตลอดจนความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การทำประกันชีวิต การประกันธุรกิจ

3.การเพิ่มพูนความมั่งคั่ง (Wealth Accumulation) ซึ่งต้องมีการวางเป้าหมายและการวางแผน และเพื่อให้เงินทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

4.การส่งมอบความมั่งคั่ง (Wealth Distribution) เป็นการจัดสรรทรัพย์สินเพื่อส่งต่อให้กับคนรอบข้าง และแบ่งปันให้กับสังคม โดยมั่นใจว่าทรัพย์สินจะถูก สืบทอดไปตามเจตนารมณ์ของตนเอง

ซึ่งผู้มีความมั่งคั่งย่อมข้ามพ้นองค์ประกอบแรกไปแล้วระดับหนึ่ง แต่เพื่อให้สามารถส่งมอบไปจนถึงลูกหลาน "การวางแผนการเงินเพื่อเพิ่มพูนความมั่งคั่ง" จึงเป็นปัจจัยสำคัญนำไปสู่ความมั่นคง โดยเฉพาะการทำให้ "ขนาดและมูลค่าของสินทรัพย์ลงทุน" เพิ่มขึ้น สินทรัพย์ลงทุนคืออะไร สินทรัพย์ลงทุน ก็เช่น อสังหาริมทรัพย์ หุ้น กองทุนรวม และหลักทรัพย์ชนิดต่างๆ เป็นต้น

ดังนั้น เคล็ดลับของการเพิ่มพูนความมั่งคั่งจึงอยู่ตรงที่ "การเพิ่มขนาดของสินทรัพย์ลงทุน" ซึ่งมีคุณลักษณะพิเศษ คือ มีมูลค่าเปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้ง่ายกว่าสินทรัพย์ชนิดอื่น สืบเนื่องมาจากผลตอบแทนประจำ เช่น เงินปันผล หรือดอกเบี้ย และราคาตลาดที่เปลี่ยนไปของสินทรัพย์ลงทุนนั้น ซึ่งหากต้องการทำให้ขนาดและมูลค่าของสินทรัพย์ลงทุนเพิ่มขึ้นก็มีหลักง่ายๆ แนะนำ ดังนี้

“อย่าหยุดสะสมสินทรัพย์ลงทุนตลอดชีวิต”

ในวันนี้ถ้าเรามีสินทรัพย์ลงทุนอยู่ก้อนหนึ่งแล้ว อย่าปล่อยให้เป็นแค่เงินฐานที่เป็นความหวังเดียวเท่านั้นในการต่อยอดความมั่งคั่ง แต่ผลตอบแทนจากเงินก้อนนี้ และเงินใหม่ที่เป็นรายได้คงเหลือของเรา จะต้องใส่เข้าไปเพื่อทำให้เงินฐานก้อนนี้ใหญ่ขึ้นตลอดเวลา ยิ่งตอนเราทำงาน อัตราเร่งของการสะสมยิ่งต้องสูง และค่อยๆ ลดลงเมื่อใกล้เกษียณและหลังเกษียณ ในช่วงหลังเกษียณนั้น ถ้าผลตอบแทน จากสินทรัพย์ลงทุนใหญ่พอที่จะนำมาใช้จ่ายในชีวิต เราอาจหยุดสะสมก็ได้ แต่ถ้าใช้ไม่หมดก็นำไปสะสมต่อหรือจะนำไปแบ่งสรรกระจายความมั่งคั่งให้แก่ลูกหลาน หรือสังคม

การสะสมสินทรัพย์ลงทุนให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ เนื่องจากมูลค่าของสินทรัพย์ลงทุนเปลี่ยนแปลงขึ้นลงจากปัจจัยแวดล้อม ซึ่งอาจมาจากตัวเรา ที่ตัดสินใจถูกหรือผิดหรือจากปัจจัยภายนอก

เช่น ภาวะเศรษฐกิจ หรือตลาด ซึ่งเราควบคุมไม่ได้ ทำให้อาจได้รับผลกระทบทางลบหรือบวก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำภารกิจสะสมสินทรัพย์ลงทุน เราจึงต้องเรียนรู้เคล็ดลับที่จะสะสมสินทรัพย์ลงทุน โดยให้มูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาวตามเป้าหมายของเรา โดยต้องควบคุมหรือบรรเทาความเสียหายที่อาจทำให้มูลค่าสินทรัพย์ลงทุน มีมูลค่าลดลงให้น้อยที่สุด

ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่า เราจะสะสมสินทรัพย์ลงทุนอะไร เพราะในโลกของการลงทุนมีสินทรัพย์ลงทุนให้เลือกอยู่มากมาย เช่น อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจเป็นที่ดิน บ้าน คอนโดมิเนียม หรือสังหาริมทรัพย์ เช่น ทองคำ อัญมณี ภาพวาด เป็นต้น หรืออาจเป็นสินทรัพย์การเงินที่จับต้องไม่ได้ เช่น หุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ฯ ตราสารหนี้ของภาครัฐ ภาคเอกชน ตราสารอนุพันธ์ เป็นต้น

ซึ่งการมีความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ลงทุนเหล่านี้ จึงเป็นเรื่องจำเป็น ไม่ต้องตกใจว่าจะต้องรู้ทุกชนิดหรือไม่ เราเลือกได้ แต่การที่รู้หลายอย่างทำให้เปิดโอกาสต่อเรามากกว่า ที่จะค้นหาว่าในแต่ละช่วงเวลา สินทรัพย์ลงทุนชนิดใดให้โอกาสมากกว่าเพราะเหตุใด เมื่อเรามีข้อมูลครบถ้วนเพียงพอ และอัพเดทข่าวสารการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดแล้ว ก็จะทำให้ความเสียหาย หรือความเสี่ยงจากสินทรัพย์ลงทุนที่อาจจะลดมูลค่าลง มีค่าความเสี่ยงน้อยที่สุดนั่นเอง