ประกาศราชกิจจาฯ คลัง กู้ 20,000 ล้าน ชดเชยขาดดุลงบประมาณ

ประกาศราชกิจจาฯ คลัง กู้ 20,000 ล้าน ชดเชยขาดดุลงบประมาณ

ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ เรื่อง กระทรวงการคลังกู้ 20,000 ล้าน ชดเชยขาดดุลงบประมาณ

เมื่อวันที่ 17 ก.พ.63  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) ในปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ครั้งที่ 1   ความว่า

เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา 16 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า

กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2562 และอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 มาตรา 20 (1) และมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติ การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 และพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2561 ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้

1. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ประจำปี งบประมาณ 2562 ที่มีการขยายระยะเวลาเงินกู้ออกไปภายหลังจากวันสิ้นปีงบประมาณสำหรับ การเบิกจ่ายกันเหลื่อมปี โดยการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan ) จากธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) วงเงินกู้รวม 20,000 ล้านบาท (สองหมื่นล้านบาทถ้วน)

2. อายุเงินกู้ 1 ปี 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2562 ครบกำหนดชำระ ต้นเงินกู้ทั้งจำนวนในวันที่ 24 มิถุนายน 2564 

3. อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR ) ระยะ 6 (หก) เดือน ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ลบด้วยส่วนต่าง (Spread ) เฉลี่ยร้อยละ 0.15019 (ศูนย์จุดหนึ่งห้าศูนย์หนึ่งเก้า) ต่อปี

4. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2562 จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 วันทำการ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเบิกเงินกู้เป็นงวดเรียงลำดับจากวงเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดก่อน และเมื่อเบิก เงินกู้ครบจำนวนของวงเงินดังกล่าวแล้วจึงจะเริ่มเบิกรับเงินกู้ในวงเงินกู้ลำดับถัดไป

5. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละสองงวด คือ วันที่ 24 มิถุนายน และ 24 ธันวาคม ของทุกปี โดยจะชำระดอกเบี้ยงวดแรก ในวันที่ 24 มิถุนายน 2563 และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ในวันที่ 24 มิถุนายน 2564 พร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคาร แห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคาร แห่งประเทศไทยดังกล่าว เข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระหนี้งวดสุดท้าย ให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้ ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ย ให้ถือว่าหนึ่งปีมี 365 (สามร้อยหกสิบห้า) วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง

6. การชำระต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระหนี้ต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนด ได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วน โดยจะทยอยคืนต้นเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดก่อน ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง จะแจ้งให้สถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 วันทำการ โดยกระทรวงการคลัง จะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่ กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนด หากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้คราวใดตรงกับ วันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป

7. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ

ประกาศ ณ วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2562

จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง