ไวรัสโคโรน่าระบาด จุดชนวนเหยียดเชื้อชาติ

ไวรัสโคโรน่าระบาด จุดชนวนเหยียดเชื้อชาติ

ไวรัสโคโรน่าระบาดชนวนเหยียดเชื้อชาติ หากการเลือกปฏิบัติและแสดงความรังเกียจอย่างไม่มีเหตุผลลามไม่หยุดจะส่งผลเสียรุนแรงว่าไวรัสโคโรน่า

ท่ามกลางการทำสงครามเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในจีนและอีก23ประเทศที่พบผู้ติดเชื้อ ได้เกิดกระแสดรามาในหลายพื้นที่ของโลก ที่อาจจุดชนวนไปสู่การเลือกปฏิบัติ และเหยียดเชื้อชาติ หรือแม้กระทั่งเกิด ปรากฏการณ์ “กลัวคนต่างชาติ” (Xenophobia) แพร่กระจายไปพร้อมๆ กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก และท้ายที่สุด หากกระแสนี้ยังแรง จะทำให้เกิดความเสียหายที่มากกว่าการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้

เริ่มจาก อิตาลี “ฟรานเชสโก อู่” สมาชิกสมาคมธุรกิจอิตาเลียนที่มักได้รับเชิญให้เป็นตัวแทนของชุมชนชาวจีน 30,000 คน ในเมืองมิลาน ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์รายวันลา สแตมปาว่า การเหยียดเชื้อชาติที่มีสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ ไร้สาระ และน่าโมโห

ซึ่ง พฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติชาวจีนในอิตาลี มีทั้งกรณีนักท่องเที่ยวชาวจีนถูกถ่มน้ำลายใส่ในเมืองเวนิส กรณีครอบครัวชาวจีนในเมืองตูริน ถูกกล่าวหาว่าเป็นพาหะของโรค และมีบรรดาแม่ๆ ในมิลาน ใช้สื่อโซเชียลเรียกร้องให้นักเรียนชาวอิตาลีอยู่ห่างจากเพื่อนร่วมชั้นชาวจีนแต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่นได้ส่งหนังสือถึงทุกโรงเรียนแล้วโดยระบุว่า ไม่จำเป็นต้องจำกัดสิทธิและเสรีภาพของนักเรียนจีนในโรงเรียน

พฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติชาวจีนในอิตาลี มีทั้งกรณีนักท่องเที่ยวชาวจีนถูกถ่มน้ำลายใส่ในเมืองเวนิส กรณีครอบครัวชาวจีนในเมืองตูริน ถูกกล่าวหาว่าเป็นพาหะของโรค และมีบรรดาแม่ๆ ในมิลาน ใช้สื่อโซเชียลเรียกร้องให้นักเรียนชาวอิตาลีอยู่ห่างจากเพื่อนร่วมชั้นชาวจีน

กระแสเหยียดเชื้อชาติคนจีนในอิตาลีทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น หลังเกิดกรณีเรือสำราญลำหนึ่ง พร้อมลูกเรือ และผู้โดยสารรวมกว่า 7,000 คน ถูกกักอยู่ที่ท่าเรือแห่งหนึ่งของอิตาลี หลังจากก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่บนเรือได้จับผู้โดยสารชาวจีน 2 คน แยกออกจากผู้โดยสารคนอื่น เนื่องจากกลัวว่าจะเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ แม้การทดสอบเบื้องต้นจะระบุว่าทั้งคู่ปลอดเชื้อก็ตาม

แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับชาวจีนที่ใช้ชีวิตในต่างประเทศเท่านั้น พลเมืองสัญชาติอื่นที่ใช้ชีวิตในต่างแดนก็เจอพฤติกรรมเลือกปฏิบัติและเหยียดเชื้อชาติเช่นกัน อย่างกรณี นักศึกษาชาวอังกฤษเชื้อสายเวียดนาม ร้องเรียนว่าถูกเลือกปฏิบัติระหว่างเดินทางด้วยรถประจำทาง โดยมีผู้โดยสารบนรถส่วนใหญ่พยายามหลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้

158060273217

ขณะที่มีชาวเกาหลีเชื้อสายจีนถูกเลือกปฏิบัติระหว่างพาลูกชายเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และมีร้านอาหารทะเลในกรุงโซล เกาหลีใต้ ติดป้ายห้ามลูกค้าจีนเข้าร้าน ส่วนสหภาพแรงงานผู้ให้บริการส่งอาหารในเกาหลีใต้ เรียกร้องให้เลิกส่งอาหารในย่านที่มีคนจีนอยู่หนาแน่นในเกาหลีใต้

ส่วนที่ "แคนาดา" มีผู้ปกครองจำนวนหนึ่งยื่นหนังสือร้องเรียนไปที่เขตการศึกษาในออนทาริโอ ขอให้เด็กนักเรียนที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากจีนในช่วงนี้หยุดการเรียน และให้ออกห่างจากผู้คนรอบข้างเป็นเวลาอย่างน้อย 17 วัน เพื่อสังเกตอาการ

ความกลัวในระดับที่น่าจะเรียกว่า “ตื่นตระหนกเกินกว่าเหตุ” นี้ ทำให้กลุ่มนักธุรกิจชาวแคนาดาเชื้อสายจีน กังวลว่า อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจของชาวจีนและชาวเอเชียในแคนาดาไม่ต่างจากเมื่อปี 2546 ที่มีการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส ทำให้ธุรกิจของชาวจีนในแคนาดาสูญเสียรายได้ไปประมาณ 40-80%

ความกลัวชาวจีนที่เกิดขึ้นนี้ เป็นสิ่งที่รัฐบาลปักกิ่งรับรู้ได้ ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลปักกิ่ง จึงสั้งให้สำนักงานการบินพลเรือนจีน จัดส่งเครื่องบินสองลำของสายการบินเซี่ยเหมิน แอร์ไลน์ ไปรับพลเมืองจีนที่มีภูมิลำเนาในเมืองอู่ฮั่น ออกจากกรุงเทพฯของประเทศไทย และเมืองโคตาคินาบารูของมาเลเซีย

ขณะนี้ มีพลเมืองจีนจากมณฑลหูเป่ย์จำนวน 117 คนอยู่ในกรุงเทพฯ และอีก 100 คนอยู่ในโคตาคินาบาลู ประเทศมาเลเซีย และต้องการกลับอู่ฮั่นโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นได้ โดยทั้งหมดสมัครใจซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวบินเช่าเหมาลำครั้งนี้ โดยทั้งสองเที่ยวบิน ออกจากเมืองเซี่ยเหมิน ตั้งแต่เวลา 13.17 น. และ 13.34น. ตามเวลาท้องถิ่นจีน ตามลำดับ

ขณะนี้ มีพลเมืองจีนจากมณฑลหูเป่ย์จำนวน 117 คนอยู่ในกรุงเทพฯ และอีก 100 คนอยู่ในโคตาคินาบาลู ประเทศมาเลเซีย และต้องการกลับอู่ฮั่นโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นได้

ช่วงเช้าของวานนี้ (1ก.พ.) กระทรวงต่างประเทศจีน แถลงว่า รัฐบาลตัดสินใจจัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำไปรับพลเมือง ซึ่งมีภูมิลำเนาในมณฑลหูเป่ย์ โดยเฉพาะในเมืองอู่ฮั่น ที่กำลังอยู่ในต่างประเทศกลับประเทศจีน หลังจากทราบว่าชาวจีนประสบความยากลำบากในต่างแดน และขณะนี้นักท่องเที่ยวจากอู่ฮั่นถูกห้ามขึ้นเที่ยวบินพาณิชย์ในบางสนามบิน รวมทั้งเที่ยวบินไปอู่ฮั่นของสายการบินต่างๆ ถูกยกเลิก

สำหรับเที่ยวบินที่ยังให้บริการเข้า-ออกจากจีน พนักงานต้อนรับบนเครื่องต่างพากันหาวิธีต่าง ๆ มาใช้กำจัดเชื้อโรคทั้งก่อนและหลังจากที่ผู้โดยสารขึ้นลงเครื่องบิน เช่น ใช้น้ำยากำจัดเชื้อโรคเช็ดทั่วบริเวณที่นั่งผู้โดยสารและกระจก และหากเที่ยวบินนั้นมีผู้โดยสารที่ต้องสงสัยว่ามีอาการป่วย ก็จะใช้หน้ากากและแว่นตาแบบป้องกันพิเศษ รวมทั้งเสื้อแขนยาวเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

158060272110

ที่ผ่านมา สายการบินทั่วโลก รวมทั้ง สายการบินแอร์ฟรานซ์ บริติช แอร์เวย์ส สแกนดิเนเวียน แอร์ไลน์ ต่างระงับเที่ยวบินไปประเทศจีน ล่าสุด เมื่อวันศุกร์(31ม.ค.) สายการบินเดลต้า แอร์ ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส และอเมริกัน แอร์ไลน์สของสหรัฐ ได้สั่งระงับเที่ยวบินทั้งหมดที่ไปและกลับจากจีน

เที่ยวบินของเดลต้า แอร์จะถูกระงับให้บริการตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. และอาจยาวนานถึงสิ้นเดือนเม.ย. ส่วนอเมริกัน แอร์ไลน์สจะระงับให้บริการไปจนถึงวันที่ 27 มี.ค. ขณะที่ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ระงับเที่ยวบินระหว่างวันที่ 6 ก.พ. - 28 มี.ค.

การตัดสินใจของสายการบินสหรัฐมีขึ้นหลังจาก "สหภาพนักบิน" ยื่นฟ้องสายการบินต่าง ๆ ให้ระงับเที่ยวบินไปจีนทันที เนื่องจากกังวลเรื่องการระบาดของไวรัสโคโรน่า

แม้แต่ในเมียนมายังสกัดชาวจีน โดยเครื่องบินโดยสารของสายการบินไชนา เซาเทิร์น แอร์ไลน์ส ต้องเดินทางกลับเมืองกว่างโจว หลังจากไม่ได้รับอนุญาตให้ลงจอดที่เมืองย่างกุ้ง เพราะหนึ่งในผู้โดยสารมีอาการต้องสงสัยว่า อาจติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่

"ซอว์ ฮเตย์" โฆษกรัฐบาลเมียนมา แถลงว่า แม้ยังไม่ชัดเจนว่าผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้โดยสารคนดังกล่าวออกจากห้องโดยสารแล้วส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในตัวเมือง เพื่อเข้ารับการกักบริเวณรวมทั้งตรวจเลือด โดยจะส่งมาขอรับความช่วยเหลือจากทางการไทย เนื่องจากรัฐบาลเมียนมายังไม่มีเทคโนโลยีดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานว่าเมียนมาพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในประเทศ และเมียนมายังไม่มีนโยบายปิดพรมแดนทาตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งติดกับมณฑลยูนนานของจีน รวมทั้งระงับตรวจลงตราให้กับพลเมืองจีน

แต่นักศึกษาชาวเมียนมาประมาณ 60 คน ซึ่งศึกษาอยู่ที่เมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย์ ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรค มีกำหนดเดินทางกลับมายังเมืองมัณฑะเลย์ในวันอาทิตย์ ( 2 ก.พ.) ด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำของรัฐบาล