ความเหลื่อมล้ำในอินโดฯหนุน‘เศรษฐกิจญิฮัด’โต

ความเหลื่อมล้ำในอินโดฯหนุน‘เศรษฐกิจญิฮัด’โต

ความเหลื่อมล้ำในอินโดฯหนุน‘เศรษฐกิจญิฮัด’โต โดยหลายสิบปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจอินโดนีเซียถูกครอบงำโดยกลุ่มทุนจีนหรือไม่ก็นักธุรกิจระดับเจ้าพ่อที่เป็นชาวพุธหรือชาวคริสเตียน

หนุ่มใหญ่ชาวอินโดนีเซีย ผู้เปิดเผยแค่ชื่อว่า“เทาฟาน” ตัดสินใจลาออกจากงานในบริษัทปิโตรเคมีแห่งหนึ่งในอาบูดาบี เมื่อปีที่แล้ว เพื่อทำตามเสียงเรียกร้องในหัวใจ ด้วยการกลับบ้านเกิดและลงทุนเปิดร้าน" 212 มาร์ท" เครือข่ายร้านสะดวกซื้อน้องใหม่ ที่บรรดานักลงทุนชาวมุสลิมเรียกขานว่าเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจญิฮัด

นี่ไม่ใช่การประกาศสงครามศักดิ์สิทธิ์ของกลุ่มก่อการร้าย แต่เป็นการใช้คำว่า“ญิฮัด”ในความหมายของการดิ้นรนต่อสู้อย่างมุ่งมั่นที่จะผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน สมดังที่ทาวฟาน นักธุรกิจวัย 53ปี กล่าวว่า “ผมต้องการลงทุนในธุรกิจที่เป็นของชาวมุสลิมจริงๆ และจำหน่ายแต่ผลิตภัณฑ์ในชุมชนเท่านั้น”

ในความเป็นจริงแล้ว การทำญิฮัด ถือเป็นเกียรติสูงสุดในศาสนาอิสลาม แต่คำๆนี้่ถูกนำมาใช้ในลักษณะที่ทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนมากที่สุด ทำให้ภาพลักษณ์และคำสอนของศาสนาอิสลามดูแย่เนื่องจากถูกนำไปเชื่อมโยงกับความรุนแรง และการก่อการร้ายของกลุ่มคน หรือขบวนการมุสลิมบางกลุ่ม ที่ใช้แนวคิดญิฮาดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเมือง ทั้งยังถูกสื่อให้มีความหมายคลาดเคลื่อนไปตามวาระซ่อนเร้นของกลุ่มที่มีความคิดรุนแรง

158034702470

ที่ผ่านมา อินโดนีเซีย มีโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการชาวมุสลิม ด้วยความคาดหวังว่า ผู้ประกอบการกลุ่มนี้จะสามารถสร้างคน สร้างความรุ่งเรื่องทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศได้ และทำให้เยาวชนในประเทศออกห่างออกจากแนวคิดสุดโต่ง หรือแนวคิดหัวรุนแรงเพราะหลักสูตรของโครงการจะเน้นทักษะการประกอบธุรกิจการเกษตรต่าง ๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมกาแฟ

แนวคิดนี้ ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากประธานาธิบดีโจโก วิโดโด หรือโจโกวี ที่สั่งการให้กระทรวงความร่วมมือธุรกิจขนาดเล็กและกลาง นำหลักสูตรลักษณะนี้ไปใช้กับโรงเรียน และสถาบันการศึกษา เพราะมองเห็นว่า มีความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศที่กำลังเผชิญกับกระแสสุดโต่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และกลุ่มก่อการร้ายภายนอกพยายามเข้ามาสร้างความวุ่นวายในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มไอเอสในตะวันออกกลาง ที่ถือเป็นภัยคุกคารมสันติภาพและความมั่นคงของประเทศ

เป้าหมายของการทำธุรกิจลักษณะนี้ ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก ถือเป็นการสนับสนุนกฏหมายชาริอะห์ หรือกฏหมายของชาวมุสลิมโดยตรง รวมทั้งสนับสนุนศักยภาพทางเศรษฐกิจของชาวมุสลิม หลังจากตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของอินโดนีเซียถูกครอบงำโดยกลุ่มทุนจีนผ่านมหาเศรษฐีและผู้นำธุรกิจที่มีเชื้่อสายจีน หรือไม่ก็นักธุรกิจระดับเจ้าพ่อที่เป็นชาวพุธหรือชาวคริสเตียน ทำให้ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของประเทศขยายขอบเขตมากขึ้นและช่วง2-3ปีมานี้ ความเหลื่อมล้ำจะลดลงก็ตาม

158034703442

ด้วยเหตุนี้ เทาฟาน จึงลงขันร่วมกับชาวมุสลิม 140 คน รวมทั้งเพื่อนบ้านใกล้เคียงเป็นจำนวนเงินประมาณ 40,400 ดอลลาร์เพื่อเปิดร้าน 212 มาร์ท ในชวาตะวันออก เมื่อปลายปี 2561 ซึ่งแบรนด์ 212 มาร์ท เป็นของสหกรณ์ชาริอะห์ 212 โดยเลข 212 มาจากวันที่ 2 เดือนธันวาคมปี 2559 ที่ชาวมุสลิมสายแข็งชุมนุมประท้วงในกรุงจาการ์ตาเพื่อต่อต้าน“อาฮก เปอร์นามา”ชาวคริสต์เชื้อสายจีน อดีตผู้ว่าราชการจาการ์ตาในยุคนั้น ซึ่งในท้ายที่สุด อาฮก ก็พ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งให้แก่คู่แข่งที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มมุสลิมสายอนุรักษ์นิยม ทั้งยังถูกตัดสินลงโทษด้วยการจำคุก 20 เดือนในความผิดฐานหมิ่นศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นคำพิพากษาที่ถูกวิจารณ์ว่ามาจากแรงกดดันทางการเมืองจากกลุ่มอนุรักษ์นิยม

อาฮก มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ในฐานะเป็นผู้ว่าการกรุงจาการ์ตาคนแรกที่เป็นคริสต์ศาสนิกชนในรอบ 50 ปี และมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเป็นพันธมิตรทางการเมืองของประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย แต่กลับถูกโจมตีว่าลบหลู่คัมภีร์อัลกุรอาน ระหว่างการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าการกรุงจาการ์ตาเมื่อปี 2559 ทำให้อินโดนีเซียถูกมองว่ากลุ่มสายเคร่งยังมีอิทธิพลสูงในประเทศ และในช่วงนั้นอาฮก กล่าวว่าแกนนำกลุ่มมุสลิมสายเคร่งใช้ข้อความในคัมภีร์อัลกุรอานล่อลวงผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่า ไม่ควรเลือกผู้นำที่ไม่ใช่มุสลิม

ร้านสะดวกซื้อ 212 มาร์ท เป็นเครือข่ายร้านสะดวกซื้อที่ไม่จำหน่ายบุหรี่ ถุงยางอนามัยและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ที่บรรดาผู้ก่อตั้งร้านมองว่าเป็นสินค้าที่ไม่สอดคล้องตามหลักกฏหมายชาริอะห์ และการชุมนุมประท้วงเพื่อต่อต้านอาฮกในช่วง3ปีที่ผ่านมา ช่วยให้เกิดการรวมกลุ่มของชาวมุสลิมจำนวน 57,000 คน และมีการระดมทุนได้ถึง 37,000 ล้านรูเปี๊ยะห์ ซึ่งบางส่วนของเงินก้อนนี้ถูกนำมาใช้เป็นเงินทุนเปิดร้าน 212 มาร์ท รวมทั้งเป็นเงินทุนในการผลิตน้ำแร่ยี่ห้อ 212 และเป็นทุนตั้งร้านจำหน่ายไก่ทอดหลายแห่งในชวาตะวันออก นอกจากนี้ สมาชิกจำนวนมากในสหกรณ์ เดินตามรอยเทาฟานด้วยการเปิดร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ 212 มาร์ทของตัวเอง

“มาร่วมต่อสู้ไปด้วยกัน มาร่วมกันสร้างเศรษฐกิจญิฮัดเพื่อปลดแอกเศรษฐกิจของชาวมุสลิม และทำให้เกิดความมั่งคั่งในสังคมอย่างเท่าเทียมกัน ถ้าเราไม่เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ แล้วเมื่อไหร่เศรษฐกิจของชาวมุสลิมจะเป็นอิสระ ปลอดจากการถูกครอบงำ”เทาฟาน กล่าว

158034704594

ปัจจุบัน อินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจ1ล้านล้านดอลลาร์ แต่รัฐบาลอินโดนีเซีย ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจโกวี ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวจนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง7 ล้านล้านดอลลาร์

ซึ่งการจะบรรลุตามเป้านี้ได้ รัฐบาลต้องปรับปรุงเทคโนโลยีและดึงดูดบุคลากรที่มีศักยภาพ เนื่องจากความสามารถ นวัตกรรม และการปรับตัวเป็นสิ่งจำเป็นในการปรับนโยบายและกลยุทธ์ด้านเศรษฐกิจเพื่อให้ประเทศเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน แต่การที่่บัณฑิตจบใหม่ในอินโดนีเซียกว่า35% ไม่มีงานทำ ทำให้การเข้าถึงโอกาสในการทำงานเป็นความท้าทายอย่างต่อเนื่องของประเทศนี้