ไวรัสอู่ฮั่นจ่อฉุดศก.จีน-ป่วนการขยายตัวจีดีพีโลก

ไวรัสอู่ฮั่นจ่อฉุดศก.จีน-ป่วนการขยายตัวจีดีพีโลก

การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าในจีนที่ยังคุมไม่อยู่ขณะนี้ ทำให้นักลงทุนทั่วโลกเกิดอาการตื่นตระหนกไปตามๆกันว่าการปิดเมืองต่างๆในมณฑลหูเป่ย์จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนและท้ายที่สุดก็จะฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

ไวรัสโคโรน่า ยังคงเป็นปัญหาต่อไปในอนาคตอันใกล้ โดยผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนคือจำนวนผู้โดยสารลดลงมาก เพราะรัฐบาลคุมการเดินทาง ขอให้ประชาชนอยู่ในบ้าน และยกเลิกการจัดงานใหญ่ช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่ง'หลิว เสี่ยวหมิง' รมช.คมนาคมของจีน ระบุว่า การเดินทางโดยรวมในวันเสาร์ (25ม.ค.)ซึ่งเป็นวันแรกของตรุษจีน ลดลง 28.8% จากปีก่อน ส่วนการเดินทางทางอากาศลดลง 41.6% การเดินทางด้วยรถไฟลดลง 41.5% และการเดินทางทางบกลดลง 25%

ส่วนเมืองอู่ฮั่น ถือเป็นเมืองที่เปรียบเสมือนเครื่องจักรสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน โดยข้อมูลจากรัฐบาลเมืองอู่ฮั่น ระบุว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเมืองอู่ฮั่น เมื่อปี 2562 อยู่ที่ระดับ 7.8% แถมเมืองอู่ฮั่น ยังเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมและอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน จนได้รับฉายาว่า “เมืองแห่งยานยนต์” มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีจำนวนมาก เพราะฉะนั้นการปิดเมืองนี้จึงส่งผลกระทบกับการเติบโตของเศรษฐกิจจีนโดยตรง

นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสอู่ฮั่น ยังกระทบต่อเศรษฐกิจจีนในภาพรวม โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกและท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดย‘ดิ อิโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต’ (อีไอยู) เผยแพร่รายงานเมื่อ 24 ม.ค.ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตเศรษฐกิจจีนประมาณ 0.5-1%

ขณะที่ปีนี้คาดการณ์อัตราการเติบโตจีดีพีของจีนอยู่ที่ 5.9% เท่านั้น แม้ว่าบรรดานักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ จะเห็นตรงกันว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจน้อยกว่าโรคซาร์ส เมื่อปี 2546 ซึ่งในครั้งนั้นส่งผลกระทบต่อจีดีพีจีนถึง 2%

‘มาร์ก วิลเลียม’ นักเศรษฐศาสตร์จากแคปิตัล อิโคโนมิกส์ ให้ความเห็นว่า ถึงแม้ว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ คาดการณ์ว่าผลกระทบอาจไม่รุนแรงเท่าโรคซาร์ส แต่ปัจจุบันการเชื่อมโยงระหว่างเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วง 17 ปีก่อน และเพิ่มความเสี่ยงที่อาจทำให้ผลกระทบลุกลามไปยังเศรษฐกิจทั้งโลกได้

ประกอบกับปัจจุบัน ที่แต่ละปี มีชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกจำนวนกว่า 100 ล้านคน ทำให้โอกาสการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรน่าเพิ่มสูงขึ้น อาจทำให้เกิดความตื่นตระหนกในการเดินทางท่องเที่ยวของนักเดินทางทั่วโลก

นอกจากภาคธุรกิจคมนาคม ค้าปลีก และท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้แล้ว สินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งจีนเป็นผู้บริโภครายใหญ่ ก็มีโอกาสได้รับผลกระทบอย่างหนักด้วยเช่นกัน

โดยคลอเดียร์ กาลิมเบอร์ตี จากเอส แอนด์ พี โกลบอล แพทส์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยอุตสาหกรรมพลังงาน คาดการณ์ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคน้ำมัน ประมาณ 200,000 บาร์เรล/วัน และอาจเพิ่มเป็น 700,000 บาร์เรล/วัน หากสถานการณ์รุนแรงเท่าโรคซาร์ส ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวและการบริโภคต่าง ๆ ลดลง

ด้วยความที่โลกเชื่อมโยงกันทั้งในมิติของเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และคมนาคม ทำให้ความกังวลของนักลงทุนทั่วโลกที่หวั่นกลัวว่าไวรัสอู่ฮั่นจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมีนัยสำคัญนั้น ไม่ใช่เรื่องที่วิตกกังวลเกินกว่าเหตุ

‘ร็อบ คาร์เนลล์’ หัวหน้านักวิเคราะห์ของธนาคารไอเอ็นจี เตือนว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนอย่างรุนแรง หากผู้บริโภคเกิดความตื่นตระหนก เพราะอาจจะทำให้ประชาชนไม่อยากจะเดินทาง ไม่ต้องการไปรับประทานอาหารนอกบ้าน เพียงแค่นี้ก็มากพอที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหนักแล้ว

แต่หมายความว่ารัฐบาลจีน ต้องดำเนินการรับมือสถานการณ์แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว และเปิดเผยข้อมูลการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า ไม่เหมือนช่วงที่เกิดโรคซาร์สที่รัฐบาลจีนถูกทั่วโลกโจมตีเพราะปกปิดข้อมูลการระบาดในช่วงเริ่มแรก จนส่งผลให้เกิดการลุกลามจนยากต่อการควบคุม

หัวหน้านักวิเคราะห์จากธนาคารไอเอ็นจี ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดครั้งนี้ หากยังไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคได้คือ การท่องเที่ยว โรงแรม และสายการบิน เนื่องจากประชาชนกังวลว่าตนเองอาจจะมีโอกาสติดเชื้อ และหลีกเลี่ยงการเดินทาง

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของจีน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศว่า จีนจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า พร้อมให้คำมั่นว่า รัฐบาลจีนให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในเรื่องความปลอดภัย และสุขภาพของประชาชน

สอดคล้องกับคำพูดของ'เกิง ชวง' โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ที่กล่าวว่า จีนได้ดำเนินการด้วยความรับผิดชอบ โดยได้แบ่งปันข้อมูลกับองค์การอนามัยโลก (ดับบลิวเอชโอ) ฮ่องกง มาเก๊า และชาติอื่นๆ รวมทั้งองค์กรในภูมิภาค โดยทำงานร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อรับมือกับสถานการณ์ด้านสาธารณสุขในระดับภูมิภาคและระดับโลก

นอกจากนี้ จีนยังใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้ และเปิดเผยลำดับจีโนมของเชื้อไวรัสโคโรน่าให้กับนักวิทยาศาสตร์และดับบลิวเอชโอ เพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับไวรัสดังกล่าว และหาวิธีรักษา

ล่าสุด เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจีนยืนยันว่า การควบคุมและเฝ้าติดตามการเดินทางของประชาชนเป็นภารกิจสำคัญที่สุดของความพยายามในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ โดย'เหอ ชิงหัว' เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติจีน ย้ำว่า ชุมชนแต่ละแห่งควรมีบทบาทสำคัญในการติดตามการเคลื่อนที่และภาวะสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่

แต่ข้อมูลของทางการจีน บ่งชี้ว่า ปริมาณการเดินทางมหาศาลช่วงตรุษจีน และในช่วงชุนอวิ้นปีนี้กว่า 3,000 ล้านเที่ยว ทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ ทั้งภายในและนอกประเทศรวมกัน ซึ่งการที่ผู้คนเดินทางพร้อมกันครั้งใหญ่ขนาดนี้ ทำให้มีโอกาสที่จะมีผู้ได้รับเชื้อทั้งที่แสดงอาการแล้ว และยังไม่แสดงอาการปะปนอยู่ในการเดินทางกว่า 3,000 ล้านเที่ยวดังกล่าว จึงยังไม่มีมาตรการใด ๆ ที่สามารถคัดกรองและป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยแพร่เชื้อได้อย่าง 100%