เด้งทดสอบ 1575-1580

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ลดลง 2.18 จุด (-0.14%) ปิดที่ระดับ 1,565 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4.5 หมื่นล้านบาท กังวล Trade ยืดเยื้อ หลัง ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ระบุการบรรลุข้อตกลงระหว่างจีนกับสหรัฐน่าจะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งของสหรัฐในปีหน้า หุ้นแบงก์ปรับตัวลงกดดันตลาด (กังวลแบงก์ชาติออกกฏคลุมรายได้ค่าธรรมเนียม) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอีก 1,249 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 และพลิกเป็น Net Short TFEX 7,368 สัญญา แต่ยังซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรต่อเนื่อง 2,925 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรากลับมามีมุมมองเป็นกลาง-บวก คาด SET Index มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,575-1,580 จุด โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1)สถานการณ์ของ Trade war ที่พลิกกลับมาเป็นบวก หลังมีกระแสข่าวว่าจีนกับสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกได้ก่อนวันที่ 15 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันที่สหรัฐประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ มูลค่า 1.6 แสนล้านเหรียญฯในอัตราภาษีเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 15% , และ 2)สถานการณ์ของราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มเป็นบวกหลังวานนี้กลุ่ม OPEC มีมติเสนอให้ลดกำลังการผลิตเพิ่มอีก 5 แสนบาร์เรลต่อวัน แต่ต้องรอที่ประชุมร่วมระหว่า OPEC+Non OPEC ในวันนี้ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ หากเห็นด้วยมีโอกาสที่ราคาน้ำมันดิบ WTI จะเพิ่มขึ้นทะลุ 60$/bbl ขึ้นไปได้ วันนี้หุ้นกลุ่ม Global play น่าจะกลับมาเป็นที่สนใจของนักลงทุนอีกครั้ง อาทิ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน โรงกลั่น ปิโตรฯ รวมไปถึงกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าเกษตรที่ได้ผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่า

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

• กลุ่ม Domestic Play AOT, ADVANC, INTUCH, BTS, BEM
• กลุ่มที่คาดว่างบ 4Q19 จะเติบโตขึ้น ได้แก่ GPSC, CPF, ERW, TASCO, EPG, SAWAD, MTC, JMT, BCH, CHG
• กลุ่ม Dividend Stock: KKP, TISCO, TTW

หุ้นแนะนำวันนี้

• IVL (ปิด 32 ซื้อ/เป้า 45) สถานการณ์ Trade war ที่พลิกกลับมาเป็นบวกน่าจะส่งผลดีต่อ Sentiment การลงทุนของหุ้นกลุ่ม Global play โดยเฉพาะ IVL ซึ่งราคาเมื่อวันพุธร่วงแรงกว่า 4% จึงมีโอกาสที่จะฟื้นตัวกลับมาในวันนี้ ด้านผลประกอบการเรายังคาดหวังผลบวกจากการซื้อ Hunstman จะช่วยหนุนให้กำไรของ IVL สูงขึ้นตั้งแต่ 1Q20 (ดีล Hunstman จะเพิ่ม EBITDA ให้ IVL ประมาณ 20% ในปีหน้า)
• TU (ปิด 13.3 ซื้อเก็งกำไร/เป้า 18.1 บาท) ราคาร่วงแรงสะท้อนข่าวร้ายไปมากแล้ว มอง Dow side เริ่มจำกัด วันนี้ได้ Sentiment บวกค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับ US และ EURO น่าจะหนุนให้รายได้เมื่อแลกเป็นเงินบาทเพิ่มขึ้นขณะที่สถานการณ์ของต้นทุนปลาทูน่ายังทรงตัวอยู่ในระดับ 900 เหรียญ/ตัน หนุน Margin เพิ่มขึ้น

บทวิเคราะห์วันนี้

Tourism sector (Top pick: MINT), Commerce sector (ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค)

ประเด็นสำคัญวันนี้

• (+) Trade war สถานการณ์พลิกเป็นบวก จากข่าวจีนกับสหรัฐใกล้บรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกแล้ว: สถานการณ์การเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาทการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐพลิกกลับมาเป็นบวกอีกครั้งหลังจากมีรายงานว่าทั้งสองประเทศใกล้บรรลุข้อตกการค้าเฟสแรกร่วมกันแล้ว ซึ่งมีการคาดกันว่าข้อตกลงดังกล่าวจะเสร็จสิ้นก่อนที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 15 ธ.ค. ปัจจัยนี้หนุนให้ดัชนีดาวโจนส์ในวันก่อนหน้าบวกแรงกว่า 147 จุด อย่างไรก็ตามวานนี้ดาวโจนส์เพิ่มขึ้นเพียง 28 จุด เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนของประเด็นนี้ในสัปดาห์หน้า
• (+) OPEC เสนอลดกำลังการผลิตอีก 5 แสนบาร์เรลต่อวัน แต่ต้องรอที่ประชุม OPEC+ Non OPEC ลงมติในวันนีก่อน: วันก่อนราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งแรงกว่า 2.33$/bbl หลังจาก EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 4.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลงเพียง 700,000 บาร์เรล นับเป็นการลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ ส่วนวันนี้ต้องติดตามการประชุมของกลุ่ม OPEC + Non OPEC ว่าจะเห็นด้วยกับที่กลุ่ม OPEC เสนอให้ลดกำลังการผลิตอีก 5 แสนบาร์เรลต่อวันหรือไม่ หากเห็นชอบจะเป็น Sentiment บวกหนุนราคาน้ำมันดิบ WTI มีโอกาสลุ้นทะลุระดับ 60$/bbl ขึ้นไปได้ (เดิม OPEC+ Non OPEC ลดกำลังการผลิตที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน หาลดเพิ่มจะเป็นการลดการผลิต 1.7 ล้านบาร์รเลต่อวัน)
• (+/-) สัปดาห์หน้า ติดตาม  Fed meeting คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.75% ตามเดิม: คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐ (FOMC) มีกำหนดประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 10-11 ธ.ค.19 เราและตลาดส่วนใหญ่ยังมั่นใจว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% ตามเดิม ซึ่งเป็นไปตามการส่งสัญญาณของนายเจอ โรมพาวเวล ที่เขายังมั่นใจกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะตลาดแรงงานโดยรวมยังแข็งแกร่ง อัตราเงินเฟ้อน่าจะค่อยๆฟื้นตัว ส่วนการคาดการของตลาด CME Group ใช้เครื่องมือ Fedwatch คาดมีความน่าจะเป็นที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 99.3%