'เพื่อไทย' แถลงจุดยืน 9 ข้อ แบน 3 สารทางการเกษตร

'เพื่อไทย' แถลงจุดยืน 9 ข้อ แบน 3 สารทางการเกษตร

"เพื่อไทย" แถลงจุดยืน 9 ข้อ แบน 3 สารทางการเกษตร แนะรัฐใช้งบฯความมั่นคงแก้ปัญหา พร้อมเร่งเยียวยาผู้เกี่ยวข้อง

ที่พรรคเพื่อไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร และนายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงจุดยืน 9 ข้อในการแบนสารเคมีทางการเกษตร

1.พรรคเพื่อไทยมองว่าเกษตรกรจำนวน 30 ล้านคนของประเทศ และที่ดินประมาณ 100 ล้านไร่ที่ทำการเกษตรอยู่ในขณะนี้ เราถือว่านี่คือ “ความมั่นคงของชาติ” 2.พรรคเชื่อว่าการเกษตร อุตสาหกรรมเกษตร ธุรกิจทางการเกษตร ถ้าทำอย่างถูกต้องจะสามารถนำพาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองไปได้อย่างยั่งยืน และสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศมหาอำนาจทางด้านอาหารของโลก 3.เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ทางด้านเกษตรที่สะอาดปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และเป็นเป้าหมายของการพัฒนาการเกษตรของประเทศ 4.ข้อเท็จจริงทางด้านวิชาการจากหลายสถาบัน เห็นในเชิงประจักษ์และยืนยันแล้วว่า คลอร์ไพริฟอส พาราควอต และไกลโฟเซต เป็นอันตรายร้ายแรงที่สุด ทั้งต่อเกษตรกรผู้ใช้ ต่อประชาชนผู้บริโภค และต่อสิ่งแวดล้อมแน่นอน 5.พรรคเล็งเห็นว่าควรจะต้องระวังในการมีไว้ในครอบครอง และการระงับใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดนี้โดยทันที 

 

          6.พรรคเห็นว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องหาทางออกให้กับเรื่องการทดแทนของสารพิษเหล่านี้ และเร่งเยียวยาผู้เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด 7.ควรใช้งบประมาณในส่วนของความมั่นคงมาบรรเทาผลกระทบที่จะมีต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการ เพราะการเกษตรเป็นความมั่นคงชาติทั้งในทางอาหารและสิ่งแวดล้อม เมื่อความมั่นคงชาติได้รับผลกระทบก็ต้องใช้งบประมาณด้านความมั่นคงมาดำเนินการแก้ไขปัญหา ถ้ายังปล่อยไว้จะเป็นการเดินหน้าสู่ความตายของประชาชนและสิ่งแวดล้อม 8.เราเคยประกาศยกเลิกสัมปทานป่าไม้ในอดีตมาเมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากเราเห็นว่าป่าได้ถูกทำลาย รัฐบาลในขณะนั้นก็ได้เยียวยาผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือ การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการทำประมง โดยออกกฎหมายและระเบียบต่างๆ เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบของเรือประมงเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ดังนั้น แนวทางการเยียวยาเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ในเมื่อครั้งนี้มีความจำเป็นและเพื่อความอยู่รอดของประเทศ ก็ต้องเสียสละเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และ 9.การประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายในวันที่ 22 ต.ค.นี้ พรรคเพื่อไทยขอให้กำลังใจคณะกรรมการในการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ โดยคณะกรรมการต้องมองความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก 

 

ด้าน นายชวลิต กล่าวว่า จากการที่ได้หารือกับองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่เกี่ยวข้องแล้ว คณะกรรมาธิการมีความเห็นว่าควรมีการยกเลิกการใช้สารพิษดังกล่าว ทั้งนี้ เชื่อว่าคณะกรรมการวัตถุอันตรายจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปพิจารณา 

นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการขอยืนยันว่าไม่สนับสนุนการหาสารเคมีอื่นมาทดแทน ไม่เอื้อกลุ่มทุนด้านสารเคมีการเกษตร โดยคณะกรรมาธิการจะสนับสนุนการเกษตรแบบอินทรีเป็นวาระเห็นชาติ 

 

“หากคณะกรรมการไม่แบนสารพิษ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้รับผิดชอบนโยบายสูงสุด” นายชวลิต กล่าว

 

ขณะเดียวกัน ยังได้พบว่าผลผลิตเกษตรจากจีนจากด่านเชียงของ ไม่มีห้องแล็บสุ่มตรวจพืชผักผลไม้แม้แต่เครื่องเดียว ดังนั้น คณะกรรมาธิการจึงได้ไปตรวจสอบที่ตลาดไทในฐานะปลายทางพบว่ามีคนทำล้งรับผักผลไม้จากจีนโดยเฉพาะ จึงอยากเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่าเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ควรใช้งบประมาณด้านความมั่นคงไปสร้างห้องแล็บเพื่อสุ่มตรวจหาสารเคมีทันทีประมาณ 20 ล้านบาท เพราะไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของผู้บริโภค.