‘โอสถสภา’ พุ่งออลไทม์ไฮ แรงฉลองเทรดครบ 1 ปี 

‘โอสถสภา’ พุ่งออลไทม์ไฮ  แรงฉลองเทรดครบ 1 ปี 

แม้ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ยังดูไร้ปัจจัยบวก และมีแรงขายสลับออกมาเป็นระยะ คอยกดดัชนีฯ ไม่ให้ไปไหนไกล แต่ในแง่ของตัวหุ้นปรากฏว่า หลายตัวกลับเดินหน้าทำระดับราคาสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ หรือ All Time High ได้อย่างต่อเนื่อง

     หนึ่งในนั้น คือ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP องค์กรที่มีอายุอานามกว่า 128 ปี ของตระกูล “โอสถานุเคราะห์” รวมอยู่ด้วย

    เรียกว่าเป็นของขวัญฉลองครบรอบ 1 ปี พอดิบพอดีที่หุ้นโอสถสภาเข้ามาโลดแล่นในตลาดหุ้นไทย หลังตัดสินใจเข้ามาระดมทุนด้วยการขายหุ้นไอพีโอ 603.75 ล้านหุ้น เคาะราคาขายที่ 25 บาท รับเงินเข้ากระเป๋าไปกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท กลายเป็นหุ้นไอพีโอไซส์ใหญ่ที่สุดประจำปี 2561 ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ณ ราคาไอพีโอกว่า 7.5 หมื่นล้านบาท

    การตัดสินใจเข้าตลาดหุ้นครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการทรานส์ฟอร์มจากธุรกิจครอบครัวที่มีจุดเริ่มต้นจากร้านขายยาเล็กๆ ย่านสำเพ็ง ไปสู่องค์กรมหาชนอย่างเต็มรูปแบบ เพราะเป้าหมายตอนนี้ไม่ได้หวังจะใหญ่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่มองไกลถึงตลาดโลก 

    โอสถสภาถือฤกษ์งามยามดี เคาะระฆังเข้าเทรดวันแรก 17 ต.ค. 2561 และไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง ยืนเหนือจองได้สำเร็จ โดยเปิดซื้อขายที่ระดับราคาสูงสุดของวัน 30 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท หรือ 20% จากราคาไอพีโอ 25 บาท ก่อนปิดซื้อขายวันแรก 27.25 บาท ด้วยวอลุ่มที่เข้ามาคึกคักกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท

    แต่ดีใจได้ไม่นาน วันรุ่งขึ้นราคาหุ้นไหลลงทันที ปริ่มจะหลุดจองที่ 25.50 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือ 6.42% จากนั้นยังมีแรงขายออกมาติดๆ จนราคาดิ่งต่ำจองครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2561 หรือ เพียง 4 วัน เท่านั้นหลังเข้าตลาด โดยปิดซื้อขายที่ 23.70 บาท ลดลง 1.55 บาท หรือ 6.14%

    ปัจจัยที่กดดันราคาหุ้นในช่วงนั้น นอกจากภาวะตลาดหุ้นที่ไม่ค่อยสดใสแล้ว อีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการขายหุ้นบิ๊กล็อตของ “นิติ โอสถานุเคราะห์” หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ ขายหุ้นออกมา 135.17 ล้านหุ้น ที่ราคาไอพีโอ 25 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 3.3 พันล้านบาท ตั้งแต่วันแรกที่เข้าตลาด ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นลดลงเหลือ 16.28%

    การทำรายการดังกล่าวแม้จะมีการแจ้งความประสงค์ไว้แล้วก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเกิดขึ้นจริงสร้างความตื่นตระหนกในหมู่นักลงทุนไม่น้อย เพราะไม่มีใครทราบว่าเหตุผลจริงๆ แล้วทำไมถึงขายหุ้นออกมากันแน่ กลายเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อราคาหุ้นทันที

   หลังจากนั้นราคาหุ้นดูจะไม่ไปไหน แกว่งตัวไซต์เวย์ในกรอบแคบๆ ตลอดทั้งปี เพราะต้องยอมรับว่าตัวธุรกิจเองไม่ได้มีอะไรหวือหวา อัตราการเติบโตอาจไม่มาก แต่มีจุดเด่นที่ความสม่ำเสมอ สะท้อนจากผลประกอบการ ปี 2561 มีกำไรสุทธิรวม 3,298 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากปี 2560 ที่ 3,011 ล้านบาท

    แต่ปีนี้หลังปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ จัดพอร์ตฟอลิโอใหม่ให้เข้าที่เข้าทาง ตัดสินค้าที่ขายไม่ดีออกไป ควบคู่กับการควบคุมต้นทุน ทำให้ทุกอย่างดูดีขึ้น ตอนนี้แบ่งสินค้าออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.เครื่องดื่ม ซึ่งยังเป็นพอร์ตหลักมีสัดส่วนรายได้มากกว่า 70% มีผลิตภัณฑ์มากมาย ทั้งเครื่องดื่มชูกำลัง M-150, ลิโพ, ฉลาม เครื่องดื่มฟังก์ชันนัล ดริ้งค์ เปปทีน, C-vitt, คาลพิส แลคโตะ ฯลฯ 2.ของใช้ส่วนบุคคล แป้งเด็กเบบี้มายด์, ทเวลฟ์ พลัส 3.บริการบริหารจัดการด้านซัพพลายเชน รับจ้างผลิตเครื่องดื่มของใช้ส่วนบุคคลให้กับบุคคลภายนอก (OEM) และ 4.กลุ่มธุรกิจอื่นๆ เช่น ลูกอมโบตัน, โอเล่

   ส่วนตลาดต่างประเทศปัจจุบันทำตลาดอยู่ทั้งหมด 25 ประเทศ ตลาดหลักอยู่ที่กลุ่มซีแอลเอ็มวี โดยเมียนมาเป็นพอร์ตใหญ่ที่สุด ตอนนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งใหม่ ซึ่งตามแผนจะเปิดดำเนินการได้ภายในสิ้นปีนี้ ส่วนเป้าหมายต่อไปคือ เวียดนามและจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ มีประชากรจำนวนมาก อัตราการเติบโตสูง แต่การแข่งขันก็รุนแรงเช่นกัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาตลาด และมองหาพันธมิตรเพื่อพัฒนารูปแบบธุรกิจที่เหมาะสมต่อไป

   ต้องยอมรับว่าการทำธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะผู้บริโภคยุคใหม่มีความหลากหลายมากขึ้น ขณะที่คู่แข่งเพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้น ในมุมของโอสถสภาแม้จะเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง มีสินค้ามากมายที่คนไทยรู้จักคุ้นเคยกันดี แต่การที่จะอยู่นิ่งๆ กินบุญเก่าคงไม่พอ เราจึงได้เห็นยักษ์ตัวนี้เริ่มขยับตัวก้าวออกจาก “Safe Zone” ของตัวเอง ด้วยการตัดสินใจเข้าตลาดหุ้น เพื่อใช้เป็นเวทีรุกไปสู่ตลาดโลก 

   แม้ภารกิจนี้จะเป็นโจทย์หินท้าทายความสามารถ มีอุปสรรครออยู่มากมาย แต่เชื่อว่าด้วยประสบการณ์ที่ทำธุรกิจมา 100 กว่าปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ น่าจะการันตีได้ว่าบริษัทไม่ธรรมดาเช่นกัน ดังนั้น ถ้าทุกอย่างเดินหน้าตามแผนจะสะท้อนกลับมาที่ราคาหุ้นให้นักลงทุนได้อิ่มเอมหัวใจ แต่อย่างที่บอกเส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบระหว่างทางนักลงทุนต้องเผื่อใจกันไว้ด้วย